“จากวันนั้นที่เราไม่มีความรู้เรื่องแมวไทยเลย ตอนนี้ ฟาร์มแมวไทย ของเรามีแมวไทยสายพันธุ์ใหม่ ที่เราพัฒนาขึ้นมาได้จนกลายเป็นพันธุ์แท้ เป็นความภูมิใจที่ได้รักษามรดกที่มีลมหายใจ” คุณพี-สุเมธ อุบลวิรัตนา เจ้าของบ้านแมวไทยพีพี (PP Thai Cattery) กล่าว
ความนิยมการเลี้ยงแมวในยุคปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตามไปด้วย โดยหนึ่งในนั้นคือ ฟาร์มแมวไทย ที่เจ้าของฟาร์มระดับพ่อแม่พันธุ์สายประกวด บอกกับบ้านและสวน Pets ว่า ตอนนี้ ทาสแมวขอจองลูกแมวตั้งแต่อยู่ในท้องเลยทีเดียว
แม้ว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้นำเข้าแมวหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลก และได้รับความนิยมจากทาสแมวอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ความนิยมของคนไทยต่อ “แมวไทยโบราณ” ก็ยังคงอยู่เสมอมา ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือที่เข้มแข็งของสมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ หรือ TIMBA ที่ช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์แมวไทยที่ตรงตามลักษณะในตำราให้ยังอยู่คู่กับคนไทย
อีกหนึ่งส่วนที่มีบทบาทสำคัญเรื่องการอนุรักษ์แมวไทยโบราณ คือนักเพาะพันธุ์แมวไทย ที่ได้รักษาคุณค่าของชาติผ่านการเลี้ยงดู และการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ที่มีลักษณะตามมาตรฐานแมวไทย เพื่อให้เป็นเสมือนแหล่งรวบรวมพันธุกรรมคุณภาพ สำหรับการสืบทอดมรดกทางพันธุกรรมนี้ไปยังยังรุ่นต่อไป
บ้านและสวน Pets ได้รับเกียรติอย่างสูงที่ได้พูดคุยกับ คุณพี-สุเมธ อุบลวิรัตนา เจ้าของบ้านแมวไทยพีพี (PP Thai Cattery) หนึ่งในนักเพาะพันธุ์แมวไทย ที่ดูแลแมวไทยมาตรฐานครบทุกสายพันธุ์ และยังเป็นคนแรก ๆ ในประเทศไทย ที่สามารถพัฒนาแมวไทยสายพันธุ์ใหม่ “แมวไทยสีกลีบบัว” จนได้การประกาศรับรองสายพันธุ์จากสมาคมแมวไทยนานาชาติ
การตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางนักเพาะพันธุ์แมวสายประกวด
คุณพีเล่าว่า “ในช่วงแรก ผมได้รับแมวไทยโคราช หรือสีสวาด มาดูแลต่อจากคุณตา เนื่องจากท่านได้จากพวกเราไป หลังจากนั้น เราจึงได้ลองนำแมวของคุณตาเข้าสู่สนามประกวดครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้น ผมไม่มีความรู้เรื่องการประกวดแมวไทยโบราณเลย”
คุณพีบอกว่า ในวันประกวด เขานำแมวใส่กรงกระต่ายเดินเข้าสู่สนาม ซึ่งเป็นที่เอ็นดูของผู้หลักผู้ใหญ่ใหญ่ในวงการแมวไทย และมองเห็นในความตั้งใจจริงของคุณพี
หลังจากงานนั้น คุณพีก็ได้เชื่อมความสัมพันธ์ และขอความรู้จากผู้ใหญ่ในวงการหลายท่านอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แมวไทยพันธุ์แท้ตัวแรกเข้ามาอยู่ในบ้าน
หลังจบงานประกวดครั้งแรกในชีวิต คุณพีผู้รักสัตว์เลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตัดสินใจดำเนินการเปิดฟาร์มแมวไทยขึ้นมา โดยเขาสนใจอยากพัฒนาสายพันธุ์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในเมืองไทย อย่างแมวไทยสีกลีบบัว
ความเป็นมาของแมวไทยสีกลีบบัวตัวแรกเริ่มต้นจาก ลิงเขียว โดยคุณมัทนียา ภัทรกมล นักเพาะพันธุ์แมวชาวไทย และเจ้าของฟาร์ม Thai Wila Cattery ได้ผสมพันธุ์แมวในฟาร์มจนได้แมวไทยสีกลีบบัวตัวแรก
หลังจากนั้น คุณมัทนียาได้มอบลิงเขียวให้กับคุณพี เพื่อนำไปพัฒนาสายพันธุ์สกีบบัวต่อไป คุณพีจึงได้นำไปผสมกับอ่ำแดงมณี (แมวศุภลักษณ์) ที่มีอยู่ในฟาร์ม จนได้ลูกแมวสีกลีบบัวคอกแรกออกมา
โดยสีขนของแมวไทยสีกลีบบัว มีลักษณะสีเทาอมชมพูอ่อนๆ คล้ายสีกลีบดอกบัวหลวง ที่นิยมนำไปบูชาพระ จึงเป็นที่มาของชื่อแมวสายพันธุ์นี้
นับจากวันที่ได้แมวไทยสีกลีบบัวตัวแรกเข้ามาดูแลจนถึงวันนี้ เวลาผ่านได้ผ่านล่วงเลยไป 5 ปี คุณพีสามารถพัฒนาพ่อแม่พันธุ์แมวสีกลีบบัวที่มีลักษณะแท้ และสามารถให้กำเนิดลูกแมวสีกลีบบัวได้ทั้งคอก
ซึ่งในวงการนักเพาะพันธุ์แมว ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งในการเพาะพันธุ์แมวสายพันธุ์ใหม่ กล่าวคือรุ่นพ่อแม่พันธุ์สามารถให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะเหมือนรุ่นพ่อแม่ทุกประการ
“สำหรับการประกวด แมวไทยสีกลับบัวจัดอยู่ในหมวดแมวสีแปลก แต่ยังคงรูปร่างตามลักษณะในตำรา กล่าวคือ แมวไทยจะมีรูปร่างเปรียว หน้าแหลม หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ขนสั้นชั้นเดียว หางตรงยาวไม่มีสะดุด และผมรู้สึกภูมิใจมากที่แมวสีกลีบบัวในฟาร์มของเราสามารถคว้างรางวัลชนะเลิสจากการประกวดมาได้” คุณพีกล่าว
จากความสำเร็จบนเวทีประกวดทำให้แมวไทยในฟาร์มทุกสายพันธุ์ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น “โดยเฉพาะแมวไทยสีกลีบบัว ที่มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ สนใจจองเข้ามาอย่างล้นหลาม จนทางฟาร์มไม่สามารถเพาะพันธุ์ลูกแมวได้ทันตามความต้องการ” คุณพีกล่าวเสริม
ความมีเสน่ห์ของแมวไทยยังได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
“นอกจากความสำเร็จบนเวทีประกวด ผมรู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์แมวไทยครับ เหมือนเราได้รักษามรดกของชาติที่ยังมีลมหายใจเอาไว้ คุณพีกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเสริมว่า “ในฟาร์มของเรามีแมวไทยครบทุกสายพันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ตัวเด่น ๆ จะมีแมวขาวมณีตาสามสี แมวสีกลีบบัว และแมววิฬาร์กรุงเทพ ซึ่งปัจจุบันเป็นสายพันธุ์ที่พบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น”
เนื่องจากแมวไทยวิวัฒนาการอยู่ในภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน จึงส่งผลให้แมวไทยทุกสายพันธุ์มีความทนทานต่อโรคประจำถิ่นสูง เป็นแมวที่เลี้ยงง่าย เข้ากับผู้คนได้ดี รวมถึงมีสีขน และรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่แมวไทยยังสามารถครองใจทาสแมวทั้งชาวไทยและเทศเสมอมา
เมื่อถามถึงการเกณฑ์การคัดเลือกบ้านใหม่ให้ลูกแมว คุณพีตอบว่า “ด้วยราคามาตรฐานที่ทางฟาร์มตั้งไว้สำหรับการย้ายบ้านลูกแมว ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่า ผู้ที่รับแมวจากฟาร์มไปสามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้อย่างดี และลูกแมวจากทางฟาร์มของเราก็เกิดจากพ่อแม่พันธุ์ที่ปลอดโรค จึงไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องสุขภาพหลังจากย้ายบ้าน”
อย่างไรก็ตาม คุณพีก็เคยมีประสบการณ์ที่ผู้เลี้ยงนำแมวส่งกลับคืน ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของทางฟาร์ม แต่เกิดจากผู้เลี้ยงชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย พักอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ พอทราบถึงกฎระเบียบข้อนี้ทางผู้เลี้ยงจึงนำลูกแมวมาส่งคืน
“ผมมองว่า พื้นฐานของพ่อแม่สัตว์เลี้ยงทุกคนเป็นคนที่มีจิตใจดี เมื่อรับสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งเข้ามาในบ้าน ทุกคนก็อยากดูแลให้ดีเหมือนมีลูกคนหนึ่ง และอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้พวกเขาเสมอ” คุณพีให้ความเห็นเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงในยุคปัจจุบัน
คุณพีกล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ดังนั้น ก่อนรับสัตว์เลี้ยงสักหนึ่งตัวมาดูแล ลองศึกษาข้อมูลของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นก่อน เพื่อให้เข้าใจนิสัย และการดูแลที่ถูกต้อง
จากนั้นนำข้อมูลที่สืบค้นได้มาพิจารณาว่า เราสามารถดูแลพวกเขาได้ตลอดอายุขัยหรือไม่ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการดูแลสัตว์เลี้ยงได้ และช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพราะถึงแม้ว่าบางคนอาจจะรับแมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ มาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในวันแรก แต่เมื่อเลี้ยงไปแล้วกลับพบว่า ตัวเองแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
คุณพีเป็นหนึ่งในบุคคลแห่งวงการสัตว์เลี้ยงที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความเอาใจใส่ รวมถึงความตั้งใจลงมือทำสิ่งที่ตัวเองรักเป็นอย่างดี โดยสิ่งเหล่านี้ได้แสดงออกผ่านแมวจากฟาร์มของคุณพีที่มีสุขภาพดี อารมณ์ดี และมีคุณภาพ จนกลายเป็นแมวที่หลาย ๆ คนอยากรับเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน
สนใจแมวไทยโบราณ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ บ้านแมวไทยพีพี – PP Thai Cattery
สัมภาษณ์และเรียบเรียง ณภัทรดนัย
ภาพถ่าย สุวพิชญ์ แม้นโกศล
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
5 แมวไทยโบราณที่ยังคงอยู่ จากแมวให้คุณทั้งสิ้น 17 สายพันธุ์
