ประวัติสายพันธุ์
สุนัขพันธุ์ บอสตัน เทอร์เรีย เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุภาพบุรุษแห่งอเมริกา (the American Gentlemen) พบครั้งแรกในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 ที่กรุงบอสตัน (Boston) ของรัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) ในสหรัฐอเมริกา มีการกล่าวถึงความเป็นมาของสายพันธุ์มากมาย ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าความเป็นมาที่แท้จริงคือข้อมูลจากแหล่งไหน แต่มีข้อมูลที่ตรงกัน คือเป็นสุนัขพันธุ์ทางที่มาจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์บูลด็อก (Bulldog) กับสุนัขพันธุ์ไวท์ อิงลิช เทอร์เรีย (White English Terrier) ชื่อ Burnett’s Gyp
ในต่อมาได้มีการนำสุนัขพันธุ์ทางที่ทำการผสมระหว่าง 2 สายพันธุ์ มาผสมพันธุ์กับสุนัขพันธุ์อิงลิช เทอร์เรีย (English Terrier) และได้คลอดลูกสุนัขเพศผู้ออกมาชื่อ Well’s Eph เป็นสุนัขทั่วไปที่ไม่ได้รับความสนใจ หลังจากนั้นได้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขเพศเมียพันธุ์อิงลิช เทอร์เรียลายทอง (golden brindle English Terrier) ชื่อ Tobin’s Kate และได้คลอดลูกออกมา โดยลูกสุนัขที่คลอดออกมาจะถูกเรียกเป็นสุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย ทั้งหมดนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสุนัขสายพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย
การตั้งชื่อของสุนัขพันธุ์ บอสตัน เทอร์เรีย คือมีลักษณะหัวคล้ายกระสุนปืน (Bullet head), กลม (Round head), และมีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์บูล เทอร์เรีย (Bull Terrier) ทำให้มีการตั้งชื่อสมาคมของสุนัขพันธุ์นี้โดยเฉพาะคือ The American Bull Terrier Club และในต่อมาไม่นานได้มีการเปลี่ยนชื่อสมาคมเป็น The Boston Terrier Club รวมถึงสมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์สุนัขบอสตัน เทอร์เรีย ในปี ค.ศ. 1893
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ได้รับความนิยม และโดดเด่นเป็นอย่างมากในสหรัฐอเมิรกา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงในกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง
ในปี ค.ศ. 1979 สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย ถูกตั้งให้เป็นสุนัขประจำรัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts)
ลักษณะทางกายภาพ
หัวจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนบนของศีรษะค่อนข้างแบน ขนาดลำตัวสั้น ผิวหนังย่น ขนาดของหัวจะพอดีกับลำตัวเป็นลักษณะที่สมส่วน หูเล็กตั้งตรงเป็นทรงสามเหลี่ยม (Erect ears) ปากสั้น จมูกสีดำ ขาหน้าแข็งแรงและตรง หางสั้นมากเป็นที่สะดุดตา
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรียน เป็นสุนัขตัวเล็ก กล้ามเนื้อแน่น โดยค่าเฉลี่ยมาตรฐานสำหรับสุนัขพันธุ์นานาชาติ จะมีส่วนสูงอยู่ที่ 15-17 นิ้ว หรือ 38-43 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่ควรน้อยกว่า 10 ปอนด์ หรือ 4.5 กิโลกรัม และไม่ควรมากกว่า 25 ปอนด์ หรือ 11.3 กิโลกรัม
ลักษณะขนสุนัขจะนุ่ม ขนปกคลุมตัวน้อย สีขนมีมากกว่า 1 สีปนกันเป็นลาย และเป็นลักษณะที่จำเพาะของสายพันธุ์ เช่น สีดำลายขาว (Black and marked with white), สีน้ำตาล (Brown), สีคล้ายตับ (Liver), สีครีม (Cream), สีแดง (Red), หรือสีขาว (White) เป็นต้น
อายุขัย
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย โดยทั่วไปมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 13-15 ปี
ลักษณะนิสัย
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่เป็นมิตรทั้งกับคนและสัตว์อื่นๆ ร่าเริง กระตือรือร้น ขี้เล่น ชอบเล่นกิจกรรมและฉลาด จัดเป็นสุนัขพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงไว้ในบ้าน ต้องการความรัก และการเอาใจใส่จากสมาชิกในครอบครัว แต่ก็พร้อมที่จะให้ความรักแก่คนในครอบครัวเช่นเดียวกัน สุนัขที่มีความไวต่อความรู้สึกของเจ้าของ และเป็นต้นแบบที่สุนัขมีนิสัยคล้ายคน
การฝึกให้สุนัขเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทำให้สุนัขสามารถจัดการกับอารมณ์ การเข้าหาผู้คน หรือเข้ากับสุนัขตัวอื่น และสามารถรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้
ในระหว่างสุนัขเพศผู้และเพศเมียมีนิสัยแตกต่างกัน โดยสุนัขเพศเมียจะมีนิสัยเอาแต่ใจ (Introverted), ดื้อ (Stubborn) และไม่ยอมให้รักสุนัขตัวอื่นมากกว่าตัวเอง ซึ่งในสุนัขเพศผู้จะมีนิสัยน่ามึน ฉลาดน้อยกว่าสุนัขเพศเมีย แต่มีความเอาใจใส่ หรือแบ่งปันมากกว่าสุนัขเพศเมีย
การเข้ากับเด็ก
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย เหมาะกับการนำมาเล่นกับเด็ก เพราะสุนัขมีขนาดตัวที่เหมาะกับเด็ก ไม่ทำให้เกิดอันตรายกับเด็ก มีนิสัยขี้เล่น และพลังงานสูง แต่ควรระวังหากสุนัขตัวใหญ่มากเกินไป หรือมีน้ำหนักตัวมากอาจทำให้เด็กบาดเจ็บได้ แต่อย่างไรก็ตามควรให้สุนัขได้ฝึกการเข้าสังคมก่อนจะนำมาเล่น เพื่อความปลอดภัยต่อเด็ก
การดูแล
การออกกำลังกาย
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก เพียงให้สุนัขเดินเร็วประมาณ 15-30 นาที ทำ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ หรือให้สุนัขเดินระยะทางประมาณ 1 ไมล์ หรือ 1.6 กิโลเมตร แต่ควรระวังเรื่องสภาพอากาศขณะพาสุนัขเดิน เนื่องจากมีขนน้อย อาจทำให้เกิดภาวะอุณหภูมิภายในตัวสัตว์สูงขึ้น (Overheat) จากอากาศที่ร้อน หรือมีไข้จากอากาศที่เย็น เป็นต้น
สามารถเล่นกับสุนัขทุกวันแทนการออกกำลังกายได้ เช่น การปาลูกบอลให้สุนัขวิ่งคาบมาคืน ใช้เวลาเล่นประมาณ 1 ชั่วโมง จะทำให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
ในสุนัขเพศเมียจำเป็นต้องให้ออกกำลังกายมากกกว่าปกติ เนื่องจากมีพลังงาน และมีความกระตือรือร้นมากกว่าสุนัขเพศผู้
อาหาร
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย ปริมาณอาหารที่แนะนำประมาณครึ่งถ้วย – 1 ถ้วยต่อวัน แบ่งให้ 2 มื้อเท่ากัน โดยสุนัขมีนิสัยขี้เหนียว มีความหิวมาก และเป็นสุนัขช่างเลือก ควรสังเกตอาหารที่สุนัขกิน ความเหมาะสมของอาหาร และน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงเป็นประจำ ซึ่งการให้อาหารที่มีคุณภาพ จะช่วยลดการเกิดปัญหาสุขภาพได้
ในลูกสุนัข จำเป็นต้องการปริมาณอาหารมากกว่า 3 เท่าจากปกติ แต่ควรคำนึงถึงความสมดุลของน้ำหนักตัวสัตว์ด้วย
โรคประจำพันธุ์
สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่มีสุขภาพแข็งแรง ก่อนที่จะซื้อลูกสุนัข ควรตรวจประวัติและยืนยันพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ก่อนทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดโรคความผิดปกติทางพันธุกรรม รวมถึงอาการเจ็บป่วย และโรคที่มาจากฟาร์ม
โรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
- โรคระบบประสาท
- โรควิตกกังวล (Anxiety)
- โรคหัวใจ
- โรคลิ้นหัวใจไมทรัลรั่ว (Mitral regurgitation)
- โรคระบบทางเดินอาหาร
- ภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่ (Megaesophagus)
- โรคเส้นเลือดรัดหลอดอาหาร (Vascular ring anomaly)
- โรคระบบทางเดินหายใจ
- กลุ่มอาการทางเดินหายใจของสุนัขหน้าสั้น (Brachycephalic syndrome)
- การจามกลับ (Reverse sneezing)
- โรคระบบต่อมไร้ท่อ
- โรคคุชชิ่ง (Cushing disease หรือhyperadrenocorticism)
- โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
- โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation)
- โรคตา
- โรคต้อกระจก (Cataracts)
- โรคเชอร์รี่อาย (Cherry eye) หรือหนังตาที่สามจากด้านในออกมาข้างนอก (Everted third eyelid)
- โรคหู
- โรคหูหนวกตั้งแต่กำเนิด (Congenital deafness)
- โรคในช่องปาก
- โรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกอักเสบ (Periodontal Disease)
- โรคมะเร็ง
- เนื้องอกมาสต์เซลล์ (Mast cell tumors)
- เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor)
เรื่อง : ทรงภูมิ อานันทคุณ