ไดร์เป่าขนสุนัข เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยเรื่องการดูแลเส้นขน และผิวหนังของสุนัข ให้มีสุขภาพดี และไม่เกิดโรคติดเชื้อบนผิวหนัง
ไดร์เป่าขนสุนัข ช่วยให้การดูแลเส้นขน และผิวหนังสุนัข ทำได้สะดวก และง่ายขึ้น เมื่อเราต้องการอาบน้ำให้สุนัขด้วยตัวเองที่้บ้าน โดยการดูแลสุนัขตามหลักสุขอนามัย เมื่อสุนัขของอาบน้ำเสร็จแล้ว ควรเป่าเส้นขนและผิวหนังให้แห้งสนิททันที ไม่ว่าจะสายพันธุ์ขนสั้น หรือขนยาว
การดูแลเส้นขน และผิวหนังของสุนัข ไม่ได้หมายถึงการดูแลเรื่องความสะอาดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อสุขภาพ และความแข็งแรงโดยรวมของสุนัขด้วย การดูแลเส้นขนสุนัขเป็นประจำช่วยให้เส้นขนไม่พันกัน และระหว่างที่เรากำลังเป่าขนสุนัข ก็ช่วยให้เราตรวจเช็คความผิดปกติบนผิวหนังสุนัขของเราได้อีกด้วย
ไดร์เป่าขนยังจำเป็นต่อสุนัข โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีขนหนาแน่น หรือขนสองชั้น ที่จะช่วยให้เส้นขน และผิวหนังแห้งเร็วขึ้นหลังอาบน้ำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคผิวหนังที่เกิดจากความชื้น
นอกจากนี้ ไดร์เป่าขนสุนัขช่วยให้ขนสุนัขฟูขึ้น แลดูสุขภาพดี และพลิ้วสลวย ดังนั้น การลงทุนในเครื่องไดร์เป่าขนที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ประสบการณ์การดูแลสุนัขของเราสะดวกสบายขึ้น และมีความปลอดภัยต่อสุนัขของเราด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณา สำหรับการเลือก ไดร์เป่าขนสุนัข
- ขนาดและสายพันธุ์ของสุนัข
ไดร์เป่าขนสุนัขเครื่องใหญ่ และมีความเร็วลมสูง อาจเหมาะกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีขนหนา ในขณะที่ไดร์เปาขนเครื่องเล็ก และเสียงเบา เหมาะกับสุนัขสายพันธุ์เล็กมากกว่า
- ระดับเสียงของไดร์เป่าขน
ถ้าสุนัขของเรามีความไวต่อเสียง หรือตื่นจกใจกลัวได้ง่าย เจ้าของควรเลือกไดร์เป่าขนที่มีเสียงเบา เพื่อไม่ให้สุนัขตกใจ หรือเกิดความเครียดระหว่างการใช้งาน
- ความสะดวกต่อการใช้งาน
เลือกไดร์เป่าขนที่น้ำหนักเบา ยกเขาออกจากที่เก็บของได้ง่าย โดยเฉพาะเจ้าของที่อาบน้ำให้สุนัขด้วยตนเองที่บ้าน และเหมาะกับพื้นที่ เพื่อให้การใช้งานในแต่ละครั้งไม่เกิดความยุ่งยากซับซ้อน
- งบประมาณ
เจ้าของควรคำนึงถึงงบประมาณของตนเอง และความทนทานในระยะยาว เพื่อความคุ้มค่าอย่างสูงสุดในการใช้งานไดร์เป่าขนสุนัข
การฝึกสุนัขให้คุ้นชินกับไดร์เป่าขนสุนัข
ในการแนะนำให้สุนัขรู้จักกับไดร์เป่าขนต้องค่อยเป็นค่อยไป และเป็นขั้นตอนที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม เริ่มจากการเปิดใช้งานไดร์เป่าตามปกติ โดยให้มีระยะห่างจากสุนัขพอประมาณ และสังเกตอาการของสุนัขว่า สุนัขแสดงออกอย่างไร ในครั้งแรกที่สุนัขยังไม่เคยใช้ไดร์เป่าขน ให้เจ้าของลองเปิดใช้เครื่องเป็นเวลาประมาณ 1 นาทีก่อน
ถ้าสุนัขไม่แสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ให้เจ้าของปิดการทำงานของเครื่อง และให้รางวัลกับสุนัขด้วยขนมที่สุนัขชื่นชอบ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้กับสุนัข และให้สุนัขเรียนรู้ว่า ไดร์เป่าขนไม่ได้เป็นอันตรายต่อพวกเขา
ถ้าสุนัขแสดงความกลัว หรือต่อต้านในขณะที่เราเปิดใช้งานไดร์เป่าขน ให้เจ้าของปิดการทำงานของเครื่องทันที และปล่อยให้สุนัขเดินออกไปจากบริเวณนั้น จากนั้น เมื่อสุนัขดูสงบลงแล้ว ให้เจ้าของเปิดการทำงานของเครื่องอีกครั้ง ถ้าสุนัขไม่เดินหนีจากเราไป เราต้องให้รางวัลกับสุนัขทันที
แต่ถ้าในขณะที่เราเปิดการทำงานของเครื่อง สุนัขไม่ยอมเข้าใกล้ไดร์เป่าขนเลย เจ้าของอาจจำเป้นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง ถึงวิธีการจัดการที่เหมาะสมกับสุนัขของเราต่อไป
ไดร์เป่าขนสุนัขที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
1. PANDO G1 Pet Grooming Vacuum Kit ราคาประมาณ 2,990 บาท
- ไดร์เป่าขนสุนัขที่สามารถตัดแต่ง แปรงขน หวีขน พร้อมดูดขนในเวลาเดียวกัน
- เทคโนโลยีใหม่ เสียงดังมากสุดเพียง 70 เดซิเบล
- มีหัวเปลี่ยนถึง 6 แบบ (แปรงปัดขนบนผ้า/ หวีซอย/ หวีกรูมมิ่ง / ปัตตาเลี่ยนตัดขน / แปรงกำจัดขน / ท่อดูดยาว)
- หัวรองตัดปัตตาเลี่ยน 5 ระดับ
- ปรับความแรงได้ 3 ระดับ
- หน้าจอ Touch screen
- กระทัดรัดน้ำหนักเบาเพียง 3 กิโลกรัม
2. Redminut Smart Pet Blower ประกอบด้วย 3 รุ่น
2.1 mini ราคาประมาณ 1,739 บาท
- ไดร์เป่าขนสุนัขแบบพกพา น้ำหนักเบา มีระบบไอออนประจุลบ ช่วยลดแบคทีเรียสะสมบนผิวหนัง
- ความจุ 1.3 ลิตร ปรับลมและอุณหภูมิได้ 3 ระดับ ด้ามจับกันลื่น สายยาวยืดหยุ่น
- ประกอบด้วยหัวเป่า 3 หัว คือ หัวเป่าแบนกว้าง, หัวเป่าแบนแคบ, หัวเป่ากลม
- กำลังไฟ 2,000 วัตต์ ทำงานเสียงเบา ไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงตื่นตกใจ
2.2 Premium ราคาประมาณ 2,335 บาท
- ไดร์เป่าขนสุนัขหน้าจอระบบ Touch Screen ระบบไอออนประจุลบ ช่วยให้ขนไม่ชี้ฟู
- มีฟิลเตอร์กรองฝุ่นและขน ปรับลมและอุณหภูมิได้ 3 ระดับ ให้กระแสลมวนกระจาย ขนแห้งทั่วถึง
- ทำงานด้วยเสียงระดับ 57 เดซิเบล และสามารถเปลี่ยนหัวเป่าได้ 3 แบบตามการใช้งาน
- มีด้ามจับและแถบกันลื่น ทำให้ใช้งานได้ง่าย
2.3 Ex ราคาประมาณ 2,449 บาท
- ไดร์เป่าขนสุนัขแบบ 2-in-1 เป่าพร้อมไดร์ได้ ใช้เทคโนโลยีไอออนประจุลบ ความจุ 1.3 ลิตร
- ปรับลมและอุณหภูมิได้ 3 ระดับด้วยการกดปุ่ม มีระบบป้องกันความร้อน ป้องกันไฟเกิน
- ประกอบด้วยหัวเป่า 3 หัว คือ หัวเป่าแบบกลม, หัวเป่าแบบแคบ, หัวเป่าแบบกว้าง
- กำลังไฟ 2,000 วัตต์ มีผ้าฝ้ายกรองเสียง ทำให้ไม่เกิดเสียงดังรบกวน
3. Shernbao DHD 3000F ราคาประมาณ 4,490 บาท
- ประกอบด้วย 2 มอเตอร์ในเครื่อง ช่วยให้ลมเป่าแรงขึ้น
- ประหยัดเวลาในการเป่าขนได้มาก
- ใช้งานได้ทั้งลมร้อนและเย็น
- ปรังแรงลมได้ตามต้องการ
- อุณหภูมิสูงสุด 52 องศา
- ความดังประมาณ 84 เดซิเบล
4. Häftigt MN-636 ราคาประมาณ 2,990 บาท
- ตัวถังผลิตจากอลูมิเนี่ยมเกรดพรีเมี่ยม แข็งแรง ทนทาน หมดปัญหาเครื่องแตกหักง่าย
- หัวเป่า 3 หัว 3 แบบ ให้เลือกตามการใช้งาน
- ปรับลมได้ 3 ระดับ คือ อุณหภูมิห้อง ลมอุ่น และลมร้อน
- ความแรงของลมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน โดยใช้การหมุน
5. ไดร์เป่าขนสุนัข PD10 ราคาประมาณ 3,190 บาท
- เครื่องเป่าขน รุ่น PD10 ประกอบด้วยมอเตอร์ที่ทำความเร็วได้สูงถึง 31,000 รอบต่อนาที
- ความเร็วลมสูงสุด 120 เมตร ต่อ วินาที สามารถขจัดความชื้นได้อย่างรวดเร็ว และบำรุงรากขน
- ปรับความแรงลมได้ถึง 99 ระดับ และปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ
การอาบน้ำให้สุนัขเป็นหนึ่งในการดูแลสุนัข โดยเฉพาะเมื่อสุนัขมีคราบสกปรก หรือเปื้อนฝุ่นดิน จากการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไดร์เป่าขนจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้การอาบน้ำของสุนัขสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การอาบน้ำสุนัขบ่อย ๆ เกินความจำเป็น อาจทำให้สุนัขป่วยได้ เจ้าของควรปรึกษาสัตวแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับความถี่ และความจำเป็นในการอาบน้ำให้สุนัข เพื่อให้ผลลัพธ์เรื่องการดูแลที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งตัวสุนัขและเจ้าของ
ข้อมูลอ้างอิง
petMD – Tips for Getting Your Dog Comfortable with a Dog Dryer
American Kennel Club – How to Dry Your Dog Completely
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – เรียนตัดขนสุนัข สู่การเป็นช่างอาบน้ำตัดขนมืออาชีพ
