โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามาจากสุนัขล่าเหยื่อ เพื่อคอยเก็บเป็ดหรือนกที่ถูกยิงจากเกมกีฬาล่าสัตว์ เพราะสุนัขสายพันธุ์นี้ชอบการว่ายน้ำ และมีปากที่อ่อนนุ่ม จึงทำให้สัตว์ที่เก็บมายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ยังมีความฉลาดและเก่งในหลาย ๆ ด้าน จนสามารถทำหน้าที่เป็นทั้งสุนัขนำทาง สุนัขล่าเหยื่อ  สุนัขตรวจค้นยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมาย สุนัขช่วยเหลือคนตาบอด สุนัขช่วยงานดับเพลิง สุนัขค้นหาและกู้ภัย ฯลฯ อีกทั้งยังมีนิสัยที่เป็นมิตร กระตือรือร้น เเละจะสงบมากเมื่อถูกรายล้อมไปด้วยเด็กเล็ก จนได้รับการจัดอันดับเป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นลำดับที่ 4 ของสหรัฐอเมริกา

ประวัติสายพันธุ์

ย้อนกลับไป โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นครั้งเเรกในประเทศสกอตแลนด์ที่เมือง “Guisachan” ใกล้กับ Glen Affric ซึ่งเป็นที่ดินบนที่ราบสูงในกรรมสิทธิ์ของ Sir Dudley Marjoribanks นับเป็นเวลาหลายปีที่มีการถกเถียงกันว่า โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เกิดจากการผสมระหว่างสุนัขสายพันธุ์ใด โดยในปีค.ศ.1952  Majoribanks ได้มีการตีพิมพ์บันทึกที่มาของสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ว่ามีมาตั้งเเต่ปีค.ศ.1835 โดยมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขพันธุ์ Russian Sheepdogs ได้ถูกซื้อมาจากคณะละครสัตว์

เเละเนื่องจากมีการพัฒนาอาวุธปืนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่18 ส่งผลให้เกมกีฬาล่าสัตว์ปีกเเละนกได้รับความนิยมมาก เมื่อเป้าบินได้ทั้งหลายถูกล่ามากขึ้น ๆ เป็นจำนวนมาก การเข้าไปเก็บซากสัตว์ที่ถูกยิงได้ในป่า บางครั้งจึงเต็มไปด้วยความลำบาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้สุนัขสายพันธุ์เฉพาะ เพื่อช่วยในการค้นหานกที่ยิงได้ ในขณะที่การฝึกสุนัขสายพันธุ์ Pointer และ Setter ไม่มีศักยภาพภาพมากพอ จึงนำมาสู่การเริ่มต้นผสมพันธุ์สุนัขเพื่อช่วยงานในหน้าที่นี้

จนเป็นที่มาของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง Nous สุนัขขนสีเหลืองพันธุ์รีทรีฟเวอร์ (Retriever) กับ Belle สุนัขเพศเมียพันธุ์ทวีด วอเตอร์ สเปเนียล (Tweed Water Spaniel) (ปัจจุบันทวีด วอเตอร์ สเปเนียล ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว) โดยในปีค.ศ.1865  Archie Majoribanks ได้ทำการซื้อ Nous ลูกสุนัขรีทรีฟเวอร์ขนสีดำเป็นลอน (black wavy-coated retriever) มาจากคอกที่ไม่ได้ทำการจดทะเบียนถูกกฎหมาย กระทั่งในปีค.ศ.1868 ก็ได้ทำการผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ Belle ทำให้ได้ลูกสุนัข 4 ตัว และนำมาเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงพันธุ์ ด้วยการนำไปผสมพันธุ์กับไอริช เซตเทอร์ (Irish Setter), บลัดเฮาด์ สุนัขที่มีขนสีเหลืองทอง (sandy-colored Bloodhound), นิวฟาวด์แลนด์ (Newfoundland), และรีทรีฟเวอร์ขนสีดำเป็นลอน (wavy-coated black Retriever) อีกสองตัว

โดยได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการ ในการเป็นสุดยอดนักล่าของเกมกีฬาล่าสัตว์  โดย Archie Majoribanks ต้องการสุนัขที่มีความแข็งแรง และทรงพลังมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ที่เคยใช้งาน แต่ทว่ายังคงต้องมีความสุภาพและสามารถฝึกได้ จะเห็นได้ว่าบรรพบุรุษของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ถือเป็นสุนัขที่ใช้ในเชิงกีฬาทั้งหมด บวกกับนิสัยที่มีความสุภาพเเละมีสมาธิดี สุนัขพันธุ์ใหม่นี้จึงค่อนข้างสอดคล้องกับความต้องการของ Majoribanks เป็นอย่างดี

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นที่ยอมรับครั้งแรก และได้จดทะเบียนโดย The Kennel Club of England ในปี ค.ศ.1903 ในชื่อแฟลท โคท โกลเด้น  (Flat Coats – Golden) จัดแสดงครั้งแรกในปีค.ศ.1908 ต่อมาในปีค.ศ. 1911 ถูกจดจำในนามของสายพันธุ์ที่เรียกว่าเป็นรีทรีฟเวอร์ (สีทองและสีเหลือง) ได้รับความนิยมเลี้ยงอย่างมากจนนำมาสู่การก่อตั้ง Golden Retriever Club ขึ้นในปีค.ศ1913 ส่วนชื่อของสายพันธุ์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) อย่างเป็นทางการในปีค.ศ.1920

นอกจากนี้ Archie Majoribanks ยังได้นำโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เข้าสู่ประเทศแคนาดาในปีค.ศ.1881 และจดทะเบียนกับ American Kennel Club (AKC) ในปีค.ศ.1894  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกว่ามีสุนัขสายพันธุ์นี้ เเละถูกจดทะเบียนครั้งแรกในประเทศแคนาดาเมื่อปีค.ศ. 1927 นำมาสู่การก่อตั้ง Golden Retriever Club of Ontario ในปีค.ศ.1958 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งคือ Cliff Drysdale ชาวอังกฤษเป็นผู้ซึ่งนำโกลเด้นสายพันธุ์อังกฤษเข้ามา และ Jutta Baker ลูกสะใภ้ของ Louis Louis ผู้เป็นเจ้าของ Northland Kennels ซึ่งอาจจะเป็นคอกแรกของแคนาดาที่อุทิศให้กับโกลเด้น AKC ทำให้สายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างนับตั้งเเต่ปีค.ศ.1925 เป็นต้นมา

โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมปีค.ศ. 2006 Golden Retriever Club ของสกอตแลนด์ได้มีการรวมตัวกันของผู้ที่มีความสนใจโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่ Guisachan ภาพถ่ายถูกถ่ายโดยช่างภาพ Lynn Kipps เพื่อเป็นการระลึกถึงสถานที่ที่ให้กำเนิดสุนัขสายพันธุ์นี้ขึ้นมา โดยในภาพถ่ายเป็นการรวบรวมสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ไว้มากถึง 188 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นการบันทึกภาพของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่มากที่สุดไว้ได้ในรูปเดียว

ลักษณะทางกายภาพ

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

สายพันธุ์อังกฤษ (British type)

มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สายพันธุ์อังกฤษที่แพร่หลายไปทั่วยุโรป และออสเตรเลีย กับสายพันธุ์อเมริกา โดยความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นในด้านมาตรฐานสายพันธุ์ เช่น บริเวณจมูกและปากของสายพันธุ์อังกฤษ จะมีลักษณะกว้างและสั้น มีอกที่ลึกกว่าเล็กน้อย มีขาและหางที่สั้นกว่า โดยคุณสมบัติของสายพันธุ์นี้ จะมีน้ำหนักมากกว่าสายพันธุ์อเมริกัน เพศผู้มีความสูงอยู่ระหว่าง 56 ถึง 61 เซนติเมตร (22-24นิ้ว) โดยวัดจากส่วนที่สูงที่สุดของหลัง และตัวเมียจะเตี้ยกว่าเล็กน้อยระหว่าง 51 ถึง 56 เซนติเมตร (20-22 นิ้ว)

ตามมาตรฐานของ British KC  ได้ระบุไว้ว่า สุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์สายพันธุ์อังกฤษมีแนวหลังที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงซึ่งไม่มีความลาดเอียงเหมือนกับที่พบในสายพันธุ์อเมริกัน ตาของสายพันธุ์ยุโรปขึ้นชื่อในเรื่องของความกลมและดำ ซึ่งแตกต่างกับอเมริกันที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม หรือมีความเฉียง โกลเด้น รีทรีฟเวอร์สายพันธุ์อังกฤษสามารถที่จะมีขนสีทองเฉดใด ๆ หรือสีครีมก็ได้ แต่สีแดงและสีมะฮอกกานีไม่เป็นที่นิยมมากนัก  เช่นเดียวกันกับที่สีขาวไม่เป็นที่ยอมรับในสายพันธุ์อเมริกัน  ทั้งนี้เริ่มแรกนั้นสีครีมเองก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตามในปีค.ศ.1936 ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานให้รวมสีครีมเข้าไปด้วย  ดังจะเห็นได้จากบันทึกในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ว่า โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีขนสีอ่อนกว่ามาตรฐานในปัจจุบัน สรุปคือมาตรฐาน British KC ใช้ได้กับทุกประเทศ ยกเว้นอเมริกาและแคนาดา พ่อพันธุ์แม่พันธุ์บางตัวของสุนัขสายพันธุ์นี้ในอเมริกา จึงเป็นการนำเข้ามาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ให้มีลักษณะเด่นทั้งด้านนิสัยเเละสุขภาพ

สายพันธุ์อเมริกัน (American type)

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สายพันธุ์อเมริกันมีรูปร่างผอมและมีกล้ามเนื้อที่น้อยกว่าอังกฤษ  เพศผู้มีความสูงอยู่ระหว่าง58-61เซนติเมตร (22 -24 นิ้ว) โดยวัดความสูงจากที่ไหล่ และมีน้ำหนักระหว่าง 65 -75 ปอนด์  มีขนที่หนาและกันน้ำได้ดี มีขนเฉดสีทองในระดับต่าง  ๆ ท่าเดินก้าวอย่างอิสระ เต็มไปด้วยความนิ่มนวลแต่ทรงพลัง

สายพันธุ์แคนาดา (Canadian type)

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์สายพันธุ์แคนาดามีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสายพันธุ์อเมริกันในด้านของความสูงและน้ำหนัก มีที่ขนบางและเฉดสีที่เข้มกว่าชนิดอื่น ๆ

ขนและสีขน

ชื่อของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีที่มาจากขนที่มีสีทองอ่อนจนถึงสีทองเข้ม โดยขนทั้งสองชั้นมีความหนาแน่นและกันน้ำได้ และอาจมีลักษณะที่ตรงหรือหยักเล็กน้อย โดยมาตรฐานของ American Kennel Club (AKC) ได้ระบุว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีขนที่หนาแน่นเป็นสีทองหลากหลายเฉด ส่วนสีขนที่อ่อน หรือเข้มจนเกินไป จะไม่ได้รับความนิยม ดังนั้นสีขาวบริสุทธิ์ (pure white) และสีแดง (red) ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับเช่นเดียวกันกับสีดำ ส่วน Kennel Club (UK) ยังคงอนุญาตให้สีครีมเป็นที่ยอมรับได้ แต่ผู้ทำการตัดสินอาจจะไม่อนุญาตในโกลเด้นที่มีจมูกสีชมพู หรือจมูกที่ขาดเม็ดสี โดยสีขนของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สามารถเป็นสีมะฮอกกานี (mahogany) ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับในอังกฤษ เมื่อสุนัขที่มีอายุมากขึ้นสีขนของพวกมันจะสามารถเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น หรืออ่อนลงได้ ร่วมกับการที่รอบ ๆ ปาก และจมูกที่มีสีขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่สีขนของลูกสุนัขมักจะอ่อนกว่าสุนัขที่โตแล้ว แต่ว่าจะมีสีที่เข้มบริเวณปลายหู  ส่วนขนาดของขนไม่ควรที่จะยาวจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความลำบากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในเกมกีฬา

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ลักษณะนิสัย

นิสัยที่เป็นจุดเด่นของสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และถูกระบุไว้ในมาตรฐานคือ “มีความใจดี เป็นมิตรและไว้ใจได้” โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มักจะเป็นมิตรกับทั้งคนแปลกหน้าและคนที่คุ้นเคย ด้วยนิสัยที่สุภาพและเชื่อใจ จึงทำหน้าที่เป็นยามได้ไม่ดีนัก  ในขณะที่การเเสดงอาการก้าวร้าวอย่างไม่มีเหตุผล หรือการต่อต้านต่อผู้คน สุนัข หรือสัตว์อื่น ๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบใด เป็นนิสัยที่ไม่เป็นที่ยอมรับนักในโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และไม่สอดคล้องกับลักษณะของสายพันธุ์ จนถือว่าเป็นความบกพร่อง เพราะโดยทั่วไปโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จะใจเย็น มีความฉลาดตามธรรมชาติ เชื่อฟัง และมีความกระตือรือร้น

นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นด้านความฉลาด โดยเป็นสุนัขที่มีความฉลาดเป็นอันดับที่ 4 ในหนังสือ The Intelligence of Dogs ของ Stanley Coren โดยได้จัดโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ให้เป็นหนึ่งในสุนัขที่ฉลาดที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับจากการเชื่อฟังคำสั่ง ทั้งยังเป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงด้านการมีความอดทนต่อเด็ก ๆ ได้อย่างดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อสุนัขพันธุ์นี้โตเต็มที่มักจะมีความกระตือรือร้น ขี้เล่น และมีความอดทนในการนั่งรอเป็นเวลาหลาย ๆ ชั่วโมง ตัวที่โตแล้วจะชอบการทำงานและมีสมาธิอยู่กับงานที่ได้รับ และดูเหมือนว่าจะสามารถทำงานได้จนกว่าจะป่วย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการให้ทำงานที่หนักเกินไป

ส่วนลักษณะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์ พวกมันสามารถปีนขึ้นไปบนเรือได้อย่างคล่องเเคล่ว  และชอบน้ำ วิธีการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจึงไม่จำเป็นมากนักกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เนื่องจากพวกมันตอบสนองต่อการฝึกฝนได้อย่างดีเยี่ยม อันเกิดจากความฉลาด ปราดเปรียว อดทนสูง เเละต้องการให้เจ้าของพอใจพวกมันจึงเชื่อฟังคำสั่งได้อย่างดี

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กและผู้ใหญ่ แม้กระทั่งกับสุนัข แมว และสัตว์ในปศุสัตว์อื่น ๆ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ถูกให้ความสำคัญกับความเป็นกันเองกับผู้คน มีความสงบ และเต็มใจที่จะเรียนรู้ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นสุนัขนำทาง สุนัขช่วยเหลือ และสุนัขค้นหาและกู้ภัย เนื่องจากมีความเป็นมิตรและมีแนวโน้มที่จะเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

เป็นที่รู้กันดีว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สามารถที่จะทำตัวเป็นแม่ให้กับสัตว์ชนิดอื่น ๆ ได้ อย่างในลูกแมวและลูกเสือจากสวนสัตว์ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ในบางกรณีบางตัวอาจผลิตน้ำนมให้กับสัตว์ที่นำมาเลี้ยงเป็นลูกได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือให้นมลูกมาก่อนหน้านี้

โรคประจำพันธุ์

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้กันว่ามีอายุขัยอยู่ที่ประมาณ 15 ปี มีโกลเด้นจำนวนมากที่มีความไวต่อโรคที่จำเพาะ ผู้ทำการเพาะพันธุ์ที่มีความรับผิดชอบจะช่วยทำให้มั่นใจว่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยโดยมีการประเมินสุขภาพสุนัขของคู่ที่จะนำมาผสมพันธุ์อย่างมืออาชีพ และอยู่บนพื้นฐานของการมีลักษณะที่สมบูรณ์

ผลที่เกิดเนื่องมาจากมาจากการผสมพันธุ์ที่ไม่เอาใจใส่เพื่อหวังผลกำไร ทำให้โกลเด้นเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความผิดปกติทางพันธุกรรม และโรคต่าง ๆ  ตามมามากมาย เช่น โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้บ่อยในสายพันธุ์นี้ ดังนั้นเมื่อซื้อลูกสุนัขมาเลี้ยงควรที่จะทำการคัดกรองโรคต่าง ๆ เป็นอย่างดีเสียก่อน

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

โรคที่พบบ่อย

  • โรคผิวหนัง
    • ภาวะผิวหนังอักเสบจากอาการภูมิแพ้ (Atopy)
    • โรคผิวหนังอักเสบเฉียบพลันหรือ “Hot Apots” หรือ Acute Moist Dermatitis
    • โรคแพ้น้ำลายหมัด (Flea Allergies)
    • โรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น โรคผื่นไขมันอักเสบ Seborrhea และการเกิดผิวหนังอักเสบจากการเลีย (Lick Granuloma)
  • โรคระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ
    • โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดชนิดลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Subvalvular Aortic Stenosis)
    • โรคกล้ามเนื้อหัวใจพองโต (Dilated Cardiomyopathy)
  • โรคเกี่ยวกับระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia)
    • โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow Dysplasia)
    • โรคกระดูกอ่อนเจริญผิดปกติ (Osteochondrosis)
    • โรคกระดูกอักเสบ (Panosteitis)
    • โรคที่เกี่ยวกับข้อต่อ ประกอบไปด้วยโรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation), การฉีกขาดของเอ็นไขว้หน้าเข่า (Cruciate Ligament Rupture)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรคเลือดฮีโมฟิเลีย (Haemophilia) ทำให้เลือดไหลหยุดยาก
    • โรคมะเร็ง (Cancer) ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ โรคมะเร็งในหลอดเลือด หรือที่เรียกว่า ฮีแมงจิโอซาร์โคมา (Hemangiosarcoma) ตามด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphosarcoma), มะเร็งชนิด Mast cell tumor และโรคมะเร็งกระดูก (Osteosarcoma) โรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการตายมากที่สุดในสายพันธุ์นี้ คิดเป็น 8% ของสุนัขโกลเด้นสายพันธุ์อเมริกันจากการศึกษาด้านสุขภาพในปีค.ศ. 1998 โดย Golden Retriever Club ของอเมริกา
  • โรคตา
    • โรคเปลือกตาม้วนเข้าข้างใน (Entropion)
    • โรคขนตางอกผิดปกติ (Distichiasis)
    • โรคต้อกระจก (Cataracts) เป็นโรคตาที่พบได้มากที่สุดในโกลเด้น,
    • โรคต้อหิน (Glaucoma)
    • โรคกระจกตาเสื่อม (Corneal Dystrophy)
    • โรคจอประสาท เช่น จอประสาทตาเจริญผิดปกติ (Retinal Dysplasia) และโรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy)

เรื่อง : ธันยพร แท่นนอก

ติดตามข้อมูล บ้านและสวน PETS ได้ที่นี่