ประวัติสายพันธุ์
สฟิงซ์ มีต้นกำเนิดในช่วงประมาณต้นปี 1960 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาพันธุ์แมวขึ้นในประเทศแถบยุโรป แต่ แมวสฟิงซ์ ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักว่า มีการพัฒนามาจากโตรอนโต้ ประเทศแคนนาดา ตั้งแต่ปี 1970 และในปัจจุบันนักเพาะพันธุ์แบ่งต้นกำเนิดการพัฒนาของแมวสฟิงซ์ออกเป็น 2 สาย คือ มาจากฝั่งมิเนสโซต้า และจากประเทศแคนนาดา
ลักษณะทางกายภาพ
นอกจากลักษณะพิเศษที่ แมวสฟิงซ์ ไม่มีขนแล้วยังมีลักษณะอื่น ๆ ที่แตกต่างจากแมวทั่วไป เช่น สฟิงซ์มีหุ่นที่ผอมเพรียว และมีความแข็งแรงร่วมด้วย เนื่องจากสฟิงซ์ชอบวิ่งเล่นและทุ่มสุดตัวกับเจ้าของหากมีโอกาศได้เล่น นอกจากนี้แมวสฟิงซ์ยังมีขนาดตัวที่ใหญ่ หูยาวแหลม ซึ่งหูของสฟิงซ์ในขณะที่ยังเป็นลูกแมว ทำให้แมวหน้าตาคล้ายกับเอลฟ์ (Elf) และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้แมวสฟิงซ์เป็นที่รักและชื่นชอบของผู้คนทั่วมุมโลก
ถึงแม้ว่าสหฟิงซ์จะดูเหมือนไม่มีขน แต่ที่จริงแล้วสฟิงซ์มีขนขนาดที่เล็กมากอยู่บนผิวหนังคล้ายกับขนของมนุษย์ และสามารถมีหนวดได้เหมือนกับแมวชนิดอื่น จึงทำให้สฟิงซ์สามารถมีผิวหนังได้หลากหลายสี โดยสฟิงซ์จะมีรุปแบบของสีผิวที่แตกต่างกัน เช่น มีสีเดียวทั้งตัว มี 2 สี, 3 สี หรือมากกว่านั้น
อายุขัย
สฟิงซ์มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี
ลักษณะนิสัย
ลูกแมวสฟิงซ์มีลักษณะนิสัยต่างจากที่เห็น คือ มีลักษณะเฉพาะตัวที่เด่น มีความแข็งแรง ขี้เล่น และสร้างความสนุกให้กับเจ้าของทุกครั้งที่เล่นด้วยกัน สฟิงซ์ มักถูกเรียกว่า เอลฟ์ (elf-like) อาจเป็นเพราะหูที่ใหญ่ หรืออาจเป็นเพราะสฟิงซ์ชอบทำในสิ่งที่ตลก
ถึงแม้ว่าสฟิงซ์จะมีนิสัยขี้เล่น แต่ไม่ควรเลี้ยงสฟิงซ์ในครอบครัวที่มีเด็กหรือสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจากสฟิงซ์เป็นแมวที่ชอบการอยู่คนเดียว และต้องการเป็นที่สนใจจากเจ้าของ สฟิงซ์ชอบการพักผ่อนในคอนโดแมว หรือเตียงนอนของเจ้าของ
การเข้ากับเด็ก
โดยปกติสฟิงซ์สามารถเข้ากับเด็กและสัตว์ชนิดอื่นได้ดี เนื่องจากสฟิงซ์มีความฉลาดและขี้สงสัย ทำใหบางครั้งก่อให้เกิดปัญหากับตัวสฟิงซ์เอง หากต้องการที่จะเลี้ยงสฟิงซ์ในครอบครัวทุกคนในครอบครัวควรรู้วิธีการเข้าหา เคารพและดูแลแมวสฟิงซ์ สฟิงซ์เป็นแมวที่รักและซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก ทำให้ความสัมพันธ์ของเจ้าของกับแมวขึ้นอยู่กับทั้งเจ้าของเอง เด็กๆ ในครอบครัว หรือลูกแมวสฟิงซ์ตัวอื่น
การดูแล
การออกกำลังกาย
สฟิงซ์เป็นแมวที่ชอบทำกิจกรรมและชอบเล่น สฟิงซ์เป็นแมวที่ขี้สงสัยมาก ชอบดมและตรวจสอบรอบ ๆ บริเวณมุมของบ้าน ทำให้สฟิงซ์ต้องการเวลาสำหรับเล่นและต้องการความสนใจจากเจ้าของ สฟิงซ์ควรได้รับการเลี้ยงดูภายในบ้าน ซึ่งเจ้าของจะสามารถเล่นกับแมวด้วยของเล่นชนิดต่าง ๆ
อาหาร
เนื่องสฟิงซ์เป็นแมวที่มีอัตราการเผาพลาญพลังงานสูง ทำให้ต้องการอาหารที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปและเพื่อดูแลสุขภาพของแมวในอนาคต สฟิงซ์มีความต้องการโปรตีนค่อนข้างสูง ซึ่งอาหารที่ให้ได้สามารถให้ได้ทั้งอาหารสด(BARF) เช่น เนื้อไก่ เนื้อกระต่ายเนื้อปลา เป็นต้น อาหารเปียกหรืออาหารเม็ด อาหารโปรตีนช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อในช่วงอายุมาก ส่วนคาร์โบไฮเดรตมีความต้องการน้อยกว่าโปรตีน
โรคประจำพันธุ์
- โรคระบบผิวหนัง
- โรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของแมสเซลล์ (Urticaria Pigmentosa)
- โรคระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขยายใหญ่ (hypertrophic Cardiomyopathy :HCM)
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายใหญ่ผิดปกติ (Dilated Cardiomyopathy :DCM)
- โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
- โรคฟัน (Denral Disease)
- โรคระบบต่อมไร้ท่อ
- โรคเบาหวาน ( Diabetes Mellitus)
- โรคระบบกระดูกเอ็นและข้อต่อ
- โรคข้ออักเสบ (Arthritis)
- โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
- ภาวะเม็ดเลือดแดงของลูกแตกหลังคลอด (Neonatal Isoerythrolysis : NI)
เรื่อง : สุรภา ประติภาปกรณ์