ถ้าคุณกำลังมองหา “หัวใจที่ดื้อแต่ซื่อสัตย์” สุนัขสายพันธุ์ บูลเทอร์เรีย กำลังรอคุณอยู่ที่ปลายทางของความอดทนและความเข้าใจ
ประวัติความเป็นมา สุนัขสายพันธุ์ บูลเทอร์เรีย
สุนัขสายพันธุ์ บูลเทอร์เรีย มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง Old English Bulldog และ Old English Terrier (2 สายพันธุ์เก่าแก่ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสุนัขที่แข็งแรง ว่องไว และมีพลัง ซึ่งในยุคแรก ๆ ถูกใช้ในกีฬาสู้วัวกระทิงและการกัดสุนัข อย่างไรก็ตาม เมื่อกีฬาดังกล่าวถูกห้ามไป บูลเทอร์เรียได้ถูกพัฒนาให้เป็นสุนัขเลี้ยงและแสดงสุนัข
บูลเทอร์เรียสมัยใหม่ได้รับการปรับปรุงโดย James Hinks ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งพยายามทำให้ สุนัขดูสง่างามขึ้น หัวเป็นทรงโค้ง (egg-shaped head) และปรับบุคลิกภาพให้เป็นมิตรขึ้น ส่งผลให้บูลเทอร์เรียกลายเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนชั้นสูง
ความสำคัญในอดีต
- ยุคศตวรรษที่ 19-20 บูลเทอร์เรียถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความจงรักภักดี
- ช่วงสงครามโลก บูลเทอร์เรียได้รับการยอมรับว่าเป็นสุนัขที่มีความกล้าหาญ และบางตัวถูกใช้เป็นสุนัขเฝ้ายามและสุนัขทหาร
- มาสคอตและสัญลักษณ์ สายพันธุ์นี้ถูกใช้เป็นตัวแทนของโฆษณาแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Target และ Budweiser
ชื่อเล่นของบูลเทอร์เรีย
- BT – ย่อมาจาก Bull Terrier
- Egghead – มาจากลักษณะหัวที่เป็นทรงไข่
- Bully – ย่อมาจาก Bull Terrier แต่ไม่ได้หมายถึงนิสัยดุร้าย
- White Cavalier – ชื่อเรียกในยุคแรก ๆ ที่สื่อถึงความสง่างาม
ลักษณะทางกายภาพ
บูลเทอร์เรีย มีลักษณะที่เด่นมากที่สุดคือ หัวมีลักษณะคล้ายรูปไข่ (Egg shaped) และตามีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม (Triangle shaped eyes) และลักษณะที่พบได้ทั่วไป คือบนสุดของหัวจะแบน เมื่อดูจากข้างหน้าตัวสัตว์ มีปากยื่นออกมายาวกว่าความยาวของหัวกะโหลกเล็กน้อย ขนาดเล็ก สีดำเข้ม และค่อนข้างลึก ลำตัวมีลักษณะแน่นและกลม โครงสร้างร่างกายแข็งแรง เป็นกล้ามเนื้อทั้งหมด หางค่อนข้างสั้น โคนหางอยู่ในระดับต่ำชี้ขนานกับพื้น มีส่วนสูงประมาณ 20-24 นิ้ว หรือ 51-61 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 44-85 ปอนด์ หรือ 20-38 กิโลกรัม มีท่าทางการเดินมั่นคง คล่องแคล่ว และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสุนัขสายนักสู้ (Gladiator of the canine race)
ขนของสุนัขพันธุ์บูล เทอร์เรีย จะสั้น และหนา มีทั้งสีขาว (White), ดำ (Black), สีขาวแต้มดำ (White with black dots), และสีน้ำตาล (Brown)
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ บูลเทอร์เรีย
1. เป็นสุนัขดุและก้าวร้าว แท้จริงแล้วบูลเทอร์เรียมีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น และรักเจ้าของมาก หากได้รับการ ฝึกและเข้าสังคมที่ดี
2. เป็นสายพันธุ์เดียวกับพิทบูล แม้จะมีรูปร่างล่ำคล้ายกัน แต่บูลเทอร์เรียเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจาก Bulldog และ Terrier โดยมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากพิทบูล
3. เป็นสุนัขที่ควบคุมไม่ได้ หากฝึกอย่างเหมาะสม บูลเทอร์เรียจะเป็นสุนัขที่ฉลาดและเชื่อฟังคำสั่ง
4. ไม่เหมาะกับครอบครัว จริง ๆ แล้ว บูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กและมนุษย์ได้ดี แต่ต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง
บูลเทอร์เรียเข้ากับเด็ก คนแก่ และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้หรือไม่?
1. บูลเทอร์เรียกับเด็ก
บูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่ ขี้เล่น มีพลังงานสูง และรักเจ้าของมาก ทำให้สามารถเข้ากับเด็กได้ดี สายพันธุ์นี้มีความ อดทนสูง และมักจะไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อเด็ก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีพลังเยอะและเล่นแรง การเลี้ยงร่วมกับเด็กเล็กต้องมีการดูแล อย่างใกล้ชิด
เคล็ดลับ : ควรฝึกให้สุนัขรู้จักระมัดระวังเวลาวิ่งเล่นกับเด็ก และสอนเด็กให้ปฏิบัติต่อสุนัขอย่างสุภาพ ไม่รบกวนเวลาสุนัขกินหรือพักผ่อน
2. บูลเทอร์เรียกับผู้สูงอายุ
บูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่ต้องการการออกกำลังกายสูง และมีนิสัยกระตือรือร้น อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถพาออกไปเดินเล่นหรือเล่นกับสุนัขได้บ่อย อย่างไรก็ตาม หากผู้สูงอายุมีไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง หรือมีคนช่วยดูแลบูลเทอร์เรียก็สามารถเป็นเพื่อนที่ดีได้
เคล็ดลับ : เลือกเลี้ยงบูลเทอร์เรียที่อายุมากขึ้นแล้ว (โตเต็มวัย) เพราะพลังงานจะลดลงกว่าลูกสุนัข และหาของเล่นที่ช่วยให้สุนัขออกแรงโดยไม่ต้องวิ่งเล่นมากเกินไป เช่น ของเล่นเสริมปัญญา
3. บูลเทอร์เรียกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ
บูลเทอร์เรียมีพื้นฐานมาจาก Terrier ซึ่งเป็นสายพันธุ์ล่าสัตว์ จึงอาจมีสัญชาตญาณในการไล่ล่าหรือมีแนวโน้ม ข่มสุนัขตัวอื่นได้ สามารถเลี้ยงร่วมกับสุนัขตัวอื่นได้ หากฝึกเข้าสังคมตั้งแต่เด็ก
** ไม่แนะนำให้เลี้ยงร่วมกับสัตว์เล็ก เช่น กระต่าย หนู หรือแมวที่ไม่คุ้นเคยกับสุนัข เพราะบูลเทอร์เรีย อาจไล่ล่าโดยสัญชาตญาณ**
เคล็ดลับ: แนะนำให้ เริ่มฝึกการอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงอื่นตั้งแต่ยังเล็ก และคอยสังเกตพฤติกรรมเมื่อมีสัตว์อื่นอยู่ใกล้ และฝึกให้สงบเมื่อเจอสัตว์ใหม่
การดูแลและการเลี้ยงบูลเทอร์เรียอย่างเหมาะสม
1. สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงบูลเทอร์เรีย
- ควรมีพื้นที่กว้างขวางบูลเทอร์เรียเป็นสุนัขพลังงานสูงควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นเช่นสนามหญ้า หรือบริเวณที่ปลอดภัย
- รั้วแข็งแรงเนื่องจากเป็นสุนัขที่แข็งแรงและซุกซนต้องมีรั้วกั้นที่แน่นหนาเพื่อป้องกันการหลบหนี
- อยู่ในบ้านร่วมกับเจ้าของบูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่รักเจ้าของมากไม่ควรเลี้ยงแยกเดี่ยวในกรง หรือปล่อยไว้นาน ๆ เพราะอาจเกิดพฤติกรรมทำลายข้าวของหรือความเครียดได้
- อพาร์ตเมนต์หรือคอนโดขนาดเล็ก อาจไม่เหมาะหากไม่มีเวลาออกไปเดินเล่นเป็นประจำ
2. การออกกำลังกาย
- บูลเทอร์เรียเป็นสุนัข พลังงานสูงและแข็งแรง ต้องออกกำลังกายทุกวัน
- ควรพาเดินหรือวิ่งวันละ 30-60 นาที
กิจกรรมที่แนะนำ
- การเล่นชักเย่อ (tug-of-war)
- การเล่นดึงของเล่น (fetch)
- การฝึกฝนเชื่อฟังคำสั่ง
- Agility Training (ฝึกวิ่งข้ามสิ่งกีดขวาง)
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรให้บูลเทอร์เรียออกกำลังกายหนักเกินไปในสภาพอากาศร้อน เพราะเป็นสุนัขที่อาจมีปัญหาด้านระบบหายใจ
- ควรใช้สายจูงเสมอเมื่อนำออกไปข้างนอก เพราะเป็นสุนัขที่มีพลัง และอาจวิ่งไล่สัตว์เล็ก
3. โภชนาการและอาหาร ควรเลือกอาหารที่มี โปรตีนคุณภาพสูง เพราะเป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อเยอะ
อาหารที่แนะนำ
- อาหารเม็ดคุณภาพสูงสำหรับสุนัขพันธุ์กลาง
- อาหารดิบแบบ BARF (ถ้าควบคุมโภชนาการได้ดี)
- เนื้อสัตว์ (เนื้อไก่ เนื้อวัว และเนื้อปลา)
- ผักและผลไม้บางชนิดเช่นแครอทบลูเบอร์รี่
ข้อควรระวัง ไม่ควรให้อาหารที่มีกระดูกไก่สุก ช็อกโกแลต องุ่น หัวหอม กระเทียม และต้องควบคุมน้ำหนัก เพราะบูลเทอร์เรียมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนได้ง่าย
4. การฝึกสุนัขเชิงบวกมีข้อดีต่อบูลเทอร์เรียอย่างไร?
- ช่วยให้บูลเทอร์เรียเรียนรู้เร็วขึ้น เป็นสุนัขฉลาดและตอบสนองต่อการเสริมแรงทางบวกได้ดี
- ลดพฤติกรรมก้าวร้าวและดื้อรั้น การฝึกแบบดุหรือลงโทษจะทำให้สุนัขเครียดและก้าวร้าวมากขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าของกับสุนัข บูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่ต้องการความรักและการ ยอมรับจากเจ้าของ
- ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี เช่นการเชื่อฟังคำสั่งการเข้ากับคนและสัตว์อื่น
วิธีฝึกเชิงบวกที่แนะนำ
- ใช้ขนมหรือคำชมเชยเป็นรางวัลเมื่อลูกสุนัขทำตามคำสั่ง
- ฝึกคำสั่งพื้นฐาน เช่น “นั่ง” “คอย” “มา” ตั้งแต่ยังเล็ก
- ใช้เวลาเล่นและฝึกทุกวันเพื่อให้สุนัขมีระเบียบวินัย
5. ข้อห้ามและข้อพึงระวังในการเลี้ยงบูลเทอร์เรีย
ข้อห้าม
- ไม่ควรขังไว้ในกรงหรือเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย บูลเทอร์เรียต้องการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของ
- ไม่ควรปล่อยให้อยู่นอกบ้านตามลำพังเป็นเวลานาน อาจเกิดพฤติกรรมทำลายข้าวของ
- ไม่ควรลงโทษโดยใช้ความรุนแรง เพราะอาจกระตุ้นพฤติกรรมก้าวร้าว
ข้อพึงระวัง
- ปัญหาผิวหนังและภูมิแพ้ บูลเทอร์เรียมีแนวโน้มแพ้อาหารหรือสิ่งแวดล้อม
- ต้องระวังอาการหมุนเป็นลูกข่าง (spinning behavior) เป็นพฤติกรรมที่พบในสายพันธุ์นี้
- ต้องระวังอุบัติเหตุจากการเล่นแรง เพราะบูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่แข็งแรงและมีพลังเยอะ
โรคทางพันธุกรรมที่พบได้ในบูลเทอร์เรีย
1. Polycystic Kidney Disease (PKD) : โรคไตมีถุงน้ำ
- เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำ (cyst) จำนวนมากในไต
- ถุงน้ำจะขยายตัวและทำลายเนื้อเยื่อไต จนไตไม่สามารถทำงานได้
- พบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่แสดงอาการชัดเมื่อไตเริ่มเสื่อม เช่น ปัสสาวะมาก น้ำหนักลด และเซื่องซึม
การตรวจ : ตรวจ DNA หรืออัลตราซาวด์ เพื่อคัดกรองพ่อแม่พันธุ์ก่อนผสม
2. Primary Lens Luxation (PLL) : เลนส์ตาหลุด
- เกิดจากการที่เส้นเอ็นยึดเลนส์ตาเสื่อมก่อนวัย ทำให้เลนส์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- ส่งผลให้ตาเจ็บ เคืองตา น้ำตาไหล และอาจตาบอดหากไม่รักษาทันที เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่พบใน Bull Terrier และ Mini Bull หลายตัวทั่วโลก
การตรวจ : ตรวจยีน PLL ก่อนผสมพันธุ์ มีทั้งแบบ “ปกติ / พาหะ / เป็นโรค”
3. Lethal Acrodermatitis (LAD) – โรคผิวหนังกรรมพันธุ์ร้ายแรง
- พบในลูกสุนัข Mini Bull Terrier ที่มี ลักษณะขนเปลี่ยนเป็นสีซีดเงิน / ผิวแห้งลอก / ขาโตผิดรูป / เติบโตช้า
- เป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษา และมักทำให้ลูกสุนัขเสียชีวิตก่อนอายุ 1 ปี
- ยีนที่ทำให้เกิด LAD ต้องมีจากทั้งพ่อและแม่
การตรวจ: ตรวจ LAD DNA ในพ่อแม่พันธุ์ก่อนผสมเพื่อตัดความเสี่ยง
4. Congenital Deafness – หูหนวกแต่กำเนิด
- พบมากใน บูลเทอเรียขนขาว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับยีนสีขนและการพัฒนาหูชั้นใน
- อาจหูหนวกข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- หูหนวกอาจไม่แสดงชัดตอนเด็ก ต้องตรวจด้วย BAER test (Brainstem Auditory Evoked Response)
การป้องกัน: คัดเลือกสายพันธุ์อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในบูลเทอเรียสีขาวล้วน
5. Skin Allergies & Autoimmune Skin Disease – โรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกัน
- บูลเทอเรียมีแนวโน้มเป็น ภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopy) และ โรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกัน มากกว่าสายพันธุ์อื่น
- อาจมีอาการผิวหนังแดง คัน มีตุ่ม ผื่น หรือหลุดลอกโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
- พบมากในสุนัขที่มีสายเลือดไวต่อสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่นละออง อาหาร หรือแม้แต่แสงแดด
การป้องกัน: ดูแลสุขอนามัย เลือกอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ
6. Hereditary Nephritis – ไตอักเสบกรรมพันธุ์
- โรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและทำให้ไตเสื่อมอย่างรวดเร็ว
- มักแสดงอาการเมื่ออายุน้อย เช่น ปัสสาวะผิดปกติ ซึม และเบื่ออาหาร
- พบได้น้อยกว่ากลุ่ม PKD แต่ยังต้องระวังในสายพันธุ์นี้
7. Mitral Valve Disease – ลิ้นหัวใจรั่ว
- โรคหัวใจที่อาจมีสาเหตุทางกรรมพันธุ์
- ลิ้นหัวใจฝั่งซ้ายรั่ว ทำให้เลือดไหลย้อน ส่งผลให้หัวใจโต เหนื่อยง่าย ไอ
- มักพบในสุนัขอายุเยอะขึ้น แต่บางตัวอาจมีความเสี่ยงตั้งแต่ยังเด็ก
แนวทางการป้องกันโรคทางพันธุกรรมในบูลเทอเรีย
- ตรวจ DNA ก่อนผสมพันธุ์: เลือกพ่อแม่พันธุ์ที่ปลอดจากยีนที่เป็นพาหะหรือโรคร้ายแรง
- ไม่ผสมสีขาวล้วนกับขาวล้วน: ลดความเสี่ยงหูหนวก
- ดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง: อาหารดี การออกกำลังกาย และการเข้าสังคมที่เหมาะสม
- เลือกเพาะพันธุ์อย่างรับผิดชอบ: เน้นสุขภาพมากกว่าสีหรือรูปร่างแฟชั่น
ใครคือคนที่เหมาะกับการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์บูลเทอร์เรีย?
บูลเทอร์เรีย ไม่ใช่สุนัขน่ารักธรรมดา ๆ ที่คุณจะตั้งชื่อตามตัวการ์ตูน แล้วปล่อยให้เขานอนเฉย ๆ อยู่หน้าทีวี เขาไม่ใช่สุนัขที่จะเดินตามคุณอย่างเงียบ ๆ หรือทำตามคำสั่งเป๊ะ ๆ ตั้งแต่วันแรก แต่เขาคือ “เพื่อนร่วมบ้าน” ที่มีพลัง มีความคิดเป็นของตัวเอง และมีหัวใจที่รักเจ้าของหมดทั้งใจ
บูลเทอร์เรีย ไม่ใช่สุนัขสำหรับทุกคน แต่ถ้า “ใช่” แล้วล่ะก็คุณจะได้เพื่อนร่วมชีวิตที่ทั้งแสบ ทั้งฮา ทั้งรักคุณหมดใจ แบบไม่มีหมาตัวไหนเหมือนเลย มาดูกันว่าคนที่เหมาะกับบูลเทอร์เรียใคร
1. คนที่มีใจรัก และยอมรับในความเป็นบูลเทอร์เรียจริง ๆ
ไม่ใช่แค่ชอบหน้าตาแปลก ๆ หรือท่าทางตลก ๆ คนที่รักในตัวตนของหมา มากกว่ารูปลักษณ์ ไม่ใช่แค่หลงรักจมูกโค้ง ๆ หรือท่าทางตลก ๆ แต่พร้อมจะรับมือกับความดื้อ ความป่วน ความวุ่นวายที่มาพร้อมกับเสน่ห์เฉพาะตัว เพราะบูลเทอร์เรียไม่เคยเสแสร้ง เขาเป็นยังไง เขาก็เป็นอย่างนั้น ตรง ๆ ดิบ ๆ และรักจริง
2. คนที่มีวินัย หรือพร้อมปรับเปลี่ยนตารางชีวิต
บูลเทอร์เรียไม่ได้ต้องการเจ้าของที่ “ใจดี” อย่างเดียว เขาต้องการคนที่ “มั่นคง” มีแบบแผน และพร้อมจะจัดเวลาชีวิตให้สอดคล้องกับความต้องการของเขา
- พร้อมพาออกกำลังกาย
- พร้อมตื่นเช้ามาดูแลและทักทายกัน
- พร้อมจัดเวลาฝึกสม่ำเสมอ
- พร้อมฝึกวินัย ข้อนี้ขอเน้นนิดนึงเพราะคนไปโฟกัสเรื่องออกกำลังกายซะส่วนใหญ่
ใครที่ชินกับชีวิตสบาย ๆ ตามใจตัวเอง อาจจะต้องถามใจดูอีกที แต่ถ้าคุณพร้อมจะมีชีวิตที่มีเป้าหมาย มีวินัยร่วมกับสุนัข บูลเทอร์เรียจะเดินเคียงข้างคุณอย่างภักดี บูลเทอร์เรียต้องการเจ้าของที่ไม่ใช่แค่ใจรัก แต่ต้องลงมือทำด้วย พร้อมใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความหมาย และพร้อมเปลี่ยนจากชีวิตตามใจ มาเป็นชีวิตที่มีตาราง มีเป้าหมาย เพราะสุนัขตัวนี้ต้องการ “เจ้าของที่เป็นผู้นำ” จริง ๆ
ถ้าเคยใช้ชีวิตสไตล์นอนตีหนึ่งตีสอง ตื่นเที่ยง บูลเทอร์เรียอาจช่วยเปลี่ยนคุณให้ตื่นเช้าอย่างมีความหมายก็ได้นะ!
3. คนที่มีความอดทน และอารมณ์ขัน
คนที่เข้าใจว่า ‘ความป่วน’ คืออีกชื่อของความรัก บูลเทอร์เรียอาจทำให้คุณอยากร้องไห้และหัวเราะในวันเดียวกัน คุณจะเจอรองเท้าหาย ทีวีโดนเลีย หมอนขาด หมาหมุนรอบตัวเอง แล้วจู่ ๆ ก็มานอนตักเงียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางวันเขาจะกัดหมอนเล่นน้ำจนเปียกโชก บางวันเขาจะมานอนหนุนตักเงียบ ๆ เหมือนลูกหมาตัวน้อย คุณต้องยอมรับทั้งสองด้าน และมี “ยิ้มที่มุมปาก” พร้อมเสมอ
ถ้าคุณพอจะหัวเราะออกได้บ้างท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านี้ คุณเจอคู่ชีวิตแล้วล่ะ
4. คนที่มีเวลา พลังงาน และตั้งใจใช้มันกับเขา
สุนัขสายพันธุ์นี้มีพลังเยอะ ต้องการออกกำลัง ต้องเล่น และได้ใช้ชีวิตกับเจ้าของ คุณไม่จำเป็นต้องมีเวลาทั้งวัน แต่เวลาที่ให้ต้องมีคุณภาพ บูลเทอร์เรียต้องการเจ้าของที่ “อยู่ด้วยใจ” ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยตัว เล่นกับเขา ออกกำลังกายกับเขา ฝึกกับเขา แล้วเขาจะมอบความรักแบบเต็มร้อยกลับมาให้
5. คนที่เข้าใจการเข้าสังคมของหมา คนที่พร้อมพาเขาไปเปิดโลก
ถ้าคิดว่าจะเลี้ยงอยู่แต่ในบ้าน ไม่เจอหมาตัวอื่น ไม่พบคนใหม่ ๆ เลย บูลเทอร์เรียยอาจกลายเป็นหมาที่คุณควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าพาเขาไปพบโลกตั้งแต่เด็ก เขาจะเป็นสุนัขที่เข้มแข็ง เปิดกว้าง และมีจิตใจที่สมดุล ถ้าไม่พาออกไปเจอโลกตั้งแต่เด็ก เขาอาจกลายเป็นสุนัขที่ควบคุมอารมณ์ยาก
คุณคือคนสำคัญที่ต้องพาเขาเรียนรู้โลก อย่างค่อยเป็นค่อยไป เจ้าของต้องมีความตั้งใจในการพาไปเรียนรู้โลก เจอสุนัข เจอคน ฝึกวินัยผ่านการใช้ชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ในบ้าน
6. คนที่ไม่ใช่มือใหม่ หรือถ้าใหม่ก็ต้อง “ตั้งใจเรียน” จริง ๆ
บูลเทอร์เรียเป็นหมาที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ได้ฝึกง่ายแบบ “สุนัขชอบเอาใจ” แต่ถ้าฝึกถูกทาง เขาจะกลายเป็นสุนัขที่เชื่อฟังแบบสุดใจ และรักคุณแบบไม่ต้องสงสัย
7. คนที่ใส่ใจสุขภาพ และเข้าใจเรื่องพันธุกรรม
สายพันธุ์นี้มีโรคทางพันธุกรรมเฉพาะ เจ้าของที่เหมาะควรเลือกจากแหล่งเพาะพันธุ์ที่ตรวจสุขภาพชัดเจน และเตรียมใจดูแลระยะยาว บูลเทอร์เรียมีโรคทางพันธุกรรมที่ต้องตรวจคัดกรองอย่างจริงจัง (PKD ,LAD,PLL etc.) การเลือกจากฟาร์มที่ตรวจโรคครบไม่ใช่แค่ “ตัวเลือก” มันคือ “หน้าที่” เพราะหมาไม่ได้พูดได้ ถ้าเขาเจ็บ เราต้องเป็นคนที่ปกป้องเขา ตั้งแต่ต้นทาง
8. คนที่เข้าใจระบบฝูง และการอยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่น
ถ้าคุณมีสุนัขตัวอื่น บูลเทอร์เรียจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณ เจ้าของที่อ่านสุนัขออก จัดการฝูงเป็น และมีพลังใจมากพอ จะช่วยให้บ้านสงบและปลอดภัย บูลเทอร์เรียบางตัวเข้ากับสุนัขอื่นได้ดี บางตัวก็ตรงข้าม ถ้าเลี้ยงหลายตัว ต้องมีระบบ ต้องอ่านพฤติกรรมสุนัขออก และรู้วิธีควบคุมบรรยากาศให้สงบมั่นคง
9. คนที่ไม่ยอมแพ้ต่อช่วงวัยป่วน หรือ คนที่ไม่ยอมแพ้กลางทาง
วัยรุ่นบูลเทอร์เรียอาจทำให้คุณท้อ แต่ถ้าผ่านไปได้ เขาจะกลายเป็นสุนัขที่น่ารัก และเข้าใจโลกอย่างลึกซึ้ง คนที่เหมาะกับบูลเทอร์เรียบูลเทอเรีย ต้องเป็นคนที่ “รักในวันที่เขายังไม่สมบูรณ์” และเชื่อว่าเขาจะดีขึ้นได้
วัยรุ่นของบูลเทอร์เรียไม่ต่างจากพายุหมุน คนที่เหมาะต้องมีความมั่นคงทางใจ รู้ว่า “พายุจะผ่านไป” ถ้าเราไม่หนี แล้วคุณจะได้สุนัขที่นิ่ง รัก และยอมคุณอย่างน่าประทับใจ
10. คนที่ไม่ได้มองว่าสุนัขต้อง ‘เชื่อฟังทุกคำสั่ง’
บูลเทอร์เรียไม่ใช่สุนัขที่จะนั่งรอคำสั่งอย่างเรียบร้อย เขาคิดเองเป็น ทำเองได้ และบางทีก็ “มีเหตุผลของเขา” ที่เจ้าของต้องเข้าใจ เขาจะเชื่อฟังคนที่เขา “รักและเคารพ” เท่านั้น ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไว้ใจ
11. ข้อนี้สำคัญ คนที่เข้าใจว่าสุนัขเป็นเพื่อน ไม่ใช่ของเล่น
หลายคนรับสุนัขเพราะอยากได้อะไรบางอย่าง เช่นความน่ารัก ความซื่อ หรือภาพลักษณ์ แต่บูลเทอร์เรียไม่ใช่สุนัขที่จะให้คุณสิ่งนั้นอย่างง่ายดาย เขาจะค่อย ๆ เติบโตไปกับคุณ และกลายเป็นเพื่อนแท้ ถ้าคุณมองว่าเขาคือ “ชีวิตหนึ่งที่คุณรับผิดชอบ”
เนื่องจากบูลเทอร์เรียเป็นสายพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ เป็นสุนัขที่มีบุคลิกโดดเด่น แข็งแรง และขี้เล่น และหากได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม จะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และขี้เล่นของเจ้าของ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่คนมีชื่อเสียงที่ต้องการ สุนัขคู่ใจที่ไม่เหมือนใคร ผู้มีชื่อเสียงหลายคนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์บูลเทอร์เรีย (Bull Terrier) ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้แก่
1. General George S. Patton (นายพลอเมริกัน)
นายพลชื่อดังในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีบูลเทอร์เรียชื่อ “Willie” (ชื่อเต็ม William the Conqueror) Willie เป็นเพื่อนคู่ใจของ Patton และมักจะติดตามเขาไปทุกที่
2. Marc Jacobs (ดีไซเนอร์แฟชั่นระดับโลก)
มีบูลเทอร์เรียชื่อ “Neville Jacobs” ที่กลายเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” ในโลกแฟชั่น Neville มีบัญชี Instagram ของตัวเอง (@nevillejacobs) และเคยออกหนังสือภาพถ่าย
3. Don Cherry (อดีตนักฮอกกี้และนักวิจารณ์กีฬา)
เป็นแฟนพันธุ์แท้ของบูลเทอร์เรีย และเคยมีสุนัขชื่อ “Blue” ซึ่ง Blue มักปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ของเขา
4. Princess Anne (UK) (เจ้าหญิงแอน แห่งสหราชอาณาจักร)
พระองค์เลี้ยงบูลเทอร์เรียหลายตัว และได้รับความสนใจในสื่อเป็นอย่างมาก
5. Eric Clapton (นักดนตรีระดับตำนาน)
เคยเลี้ยงมีบูลเทอร์เรียที่ได้รับความสนใจในสื่อเป็นอย่างมาก และมีภาพถ่ายที่เขาเล่นกับสุนัขของเขา
6. Kirk Hammett (มือกีตาร์วง Metallica)
เป็นแฟนตัวยงของบูลเทอร์เรีย และเคยโพสต์รูปกับสุนัขของเขา
7. Liam Gallagher (อดีตนักร้องนำวง Oasis)
มีบูลเทอร์เรียชื่อ “Ruby Tuesday” และมักโพสต์ภาพสุนัขของเขาบนโซเชียลมีเดีย
งานศิลปะที่มีบูลเทอร์เรีย
- “His Master’s Voice” ภาพของสุนัขฟังเสียงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (แม้ว่าสุนัขในภาพจะเป็น Fox Terrier แต่บูลเทอร์เรียมักถูกเชื่อมโยงกับภาพนี้)
- ผลงานของ Richard Fath ศิลปินฝรั่งเศสที่สร้างประติมากรรมบูลเทอร์เรีย
- โปสเตอร์โฆษณา Budweiser และ Target ใช้บูลเทอร์เรียเป็นมาสคอต
บทสรุป
คนที่เหมาะกับบูลเทอร์เรีย คือคนที่ไม่ได้อยากเลี้ยงสุนัขง่าย ๆ แต่พร้อมจะใช้ชีวิตไปด้วยกันจริง ๆ ถ้าคุณกำลังมองหา “หัวใจที่ดื้อแต่ซื่อสัตย์” บูลเทอร์เรียกำลังรอคุณอยู่ที่ปลายทางของความอดทนและความเข้าใจ คนที่พร้อมจะใช้ชีวิตกับสุนัขที่ “ไม่ธรรมดา” ในแบบที่มีวินัย รักจริง ไม่ท้อ และหัวเราะได้เสมอ
บทความโดย
คุณภาณุ ศีรรัตนประภาส ผู้ก่อตั้งเพจส่ายหาง The Happy Tails
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – จากคนที่ไม่รู้จัก บูลล์เทอร์เรีย สู่เจ้าของฟาร์มระดับแชมป์
