การฝึกสุนัขจำเป็นหรือไม่?

เรามักจะพูดอยู่เสมอว่า “สุนัขฉลาดกว่ามนุษย์ ไม่ต้องสร้างภาษามาพูดเยอะหรือมีกฎหมายมาควบคุม ใช้แค่เพียงสัญชาตญาณกับภาษากาย”

หมายความเราต้องมองให้ออกว่าสุนัขต้องการจะสื่อสารอะไร หรือเราจะสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร เพื่อให้เราเข้าใจเขาและเขาเข้าใจเรา การฝึกสุนัข จึงเป็นสิ่งที่จะมาช่วยให้เจ้าของและน้องหมาเข้าใจกันได้ดียิ่งขึ้น

ขอบคุณภาพจาก : https://woofdogs.com/

คนส่วนมากมักเข้าใจว่าสุนัขกระดิกหางทุกตัวเป็นมิตร แต่ไม่ได้สังเกตความเร็วหรือองศาของหางว่าตอนนั้นสุนัขอยู่ในอารมณ์ไหน เราควรจะเข้าไปเล่นด้วยหรือเปล่า เช่น ถ้ากระดิกหางเบา ๆ แปลว่าผ่อนคลาย แต่ถ้าตั้งขึ้น 90 องศา แล้วกระดิกเบา ๆ เหมือนแมว นั่นแสดงว่าสุนัขกำลังบอกเราว่า  “อย่ามายุ่งนะเว้ย !”

หรือหากคุณเจอสุนัขก้มหัวลงต่ำเหมือนว่ายอมให้ลูบหัว อย่าเพิ่งแน่ใจแล้วปรี่เข้าไปทำความรู้จักเลย ขอให้ดูก่อนว่าไหล่ตั้งตรง ตัวเกร็ง หรือก้มมองต่ำเหมือนเวลาดูหนังโรคจิตที่มองแรงแถมตาลอยใส่ด้วยหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเราคงต้องให้เตรียมเงินไปเป็นค่าเย็บแผลกับฉีดยารอบสะดือได้เลย เพราะรับประกันว่า เขากัดแน่ ๆ แต่ถ้าสุนัขอ่อนน้อมและเป็นมิตรจริง ๆ ทั้งหัว หู ไหล่ ตา โครงสร้างขาจะไม่เกร็ง ซึ่งทางที่ดีคือควรเข้าหาสุนัขทุกตัวอย่างมีสติ หัดสังเกต และอย่าลืมทำอารมณ์ของตัวเองให้มั่นคงเข้าไว้ด้วย

จะเห็นได้ว่าสุนัขมีรายละเอียดของท่าทางบางอย่างที่เราอาจจะมองข้ามหรือเข้าใจกันแบบผิด นอกจากนี้ อย่างที่บอกว่าสุนัขอ่านเราจากภาษากาย ที่มีพลังงาน เราก็ต้องอ่านเค้าจากภาษากาย มองให้ออกว่าสุนัขกำลังจะบอกอะไรเรา เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แล้วมาโทษตัวสุนัขว่าผิดเองฝ่ายเดียว ทั้งที่จริงคนเราเองกลับไม่มองให้ดี ๆ เสียก่อนต่างหาก

 

ACTION = REACTION เจ้าของเป็นยังไง สุนัขเป็นอย่างนั้น

ขอบคุณภาพจาก : https://www.quickanddirtytips.com/

สุนัขสามารถสื่อสารหรือรับรู้ความรู้สึกของเจ้าของได้จากพลังงานมากกว่าคำพูด เช่น ในสถานการณ์ตอนที่กำลังจูงสุนัขเดินเล่นอยู่ในซอย ตอนแรกเจ้าของก็พาปอมปอมเดินเล่นแบบผ่อนคลาย แต่พอเหลือบไปเห็นสุนัขตัวใหญ่กำลังจะเดินผ่านก็เกิดกังวลขึ้นมาและคิดมโนไปว่า “มันจะกัดสุนัขเราหรือเปล่า”

เชื่อไหมว่าแค่ความคิดที่ไม่มีเสียงของเรา สุนัขกลับรับรู้ทันทีเลยว่า “เจ้าของกำลังวิตกจริตอะไรบางอย่างอยู่” เพราะพลังงานของเรากำลังอ่อนแอลง หรือ มีวิธีการจูงที่เปลี่ยนไป อย่าง เมื่ออาการกลัวเชือกก็ตึงทันที ทำตัวขืน ๆ ไม่ยอมเดินต่อ เมื่อปอมปอมรับรู้ได้ถึงพลังงานของมนุษย์ ปอมปอมตัวนั้นจะเห่าทันที เพราะเขาจะแสดงตัวว่าปกป้องเจ้าของได้ ทำให้สุนัขตัวใหญ่ที่กำลังจะเดินผ่าน รู้สึกเหมือนโดนท้าทาย ก็เลยกลายเป็นเรื่อง (ยกเว้นในกรณีที่สุนัขที่เดินสวนมาได้รับการฝึกมาอย่างดีและสามารถควบคุมได้ เขาจะไม่เห่าตอบและจะเดินผ่านไปเฉย ๆ)

หรือ ในกรณีที่เจ้าตัวใหญ่ใจดีอาจจะแค่มาดมก้นทักทายกันเฉย ๆ แต่เรากลับตกใจอุ้มลูกขึ้นมาเลย สุนัขจะตอบสนองด้วยการเห่าใส่กันแบบเอาเป็นเอาตาย หรืออาจกัดกันได้ เพราะ เราสอนภาษากายผิดๆ  ทำให้สุนัขเข้าใจว่าที่กำลังจะทักทายกันฉันมิตรเมื่อสักครู่นี้คือผิด ทำนองเดียวกับที่อยู่ ๆ แม่มาลากเราตอนกำลังจะอ้าปากทักเพื่อนที่เดินสวนกันแล้วบอกว่า “ห้ามมีเพื่อน !” นั่นแหละ

ซึ่งจริงๆ แล้ว การที่สุนัขดมก้นเป็นการทักทายกันตามปกติ พลังงานบริเวณก้นของสุนัขจะบอกข้อมูลอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น สุนัขตัวนี้เพศอะไร เพิ่งไปทำอะไรมา มีพลังงานชีวิตมากน้อยแค่ไหน ถ้าใครยอมให้ดมคือเข้าฝูงเป็น และพอตัวแรกทักทายเสร็จอีกตัวหนึ่งก็จะตามไปดมต่อ พอทำความรู้จักกันไปสักพักให้รับรู้ว่าพลังงานปลอดภัยและเข้าฝูงได้ ทุกตัวก็จะมาเล่นด้วยกัน แต่ถ้าระหว่างจะดมแล้วเจ้าของดึงออก สุนัขจะสงสัยและสับสนว่าทำไม่ได้เหรอ เพราะเขาถูกห้ามในสิ่งที่สัญชาตญาณหรือภาษากายของเขาบอกให้ทำ พอโดนดึงหลาย ๆ ครั้งเข้าพอเจอสุนัขตัวอื่นจะเข้ามาดม เจ้าตัวนี้ก็จะเห่าโวยวายทักทายแบบมนุษย์แทน เพราะลืมสัญชาตญาณและภาษากายที่ถูกต้องไปหมดแล้ว

การสื่อสารระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง เมื่อต้องฝึกหรือทำโทษ

 

การฝึกสุนัข มีกี่รูปแบบ

การฝึกสุนัข เป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ที่ต้องมีความอ่อนโยน เมตตา เข้าใจ และใส่ใจ รวมถึงต้องมีความกล้าหาญ ตัดสินใจเด็ดขาด พลังงานมั่นคง สมดุล มีอำนาจในการต่อรองด้วยจิต กับสัตว์ที่ไม่ได้ใช้ภาษาสื่อสารแบบมนุษย์  ใช่! พวกเค้าใช้ภาษากายเป็นหลักในการตอบโต้ ใช้พลังงานหรือก็คือจิตใจในการประสานความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดี แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น สำหรับสุนัข นั่นคือสัญชาตญาณของการมีชีวิต

การฝึกสุนัขจึงมีหลายรูปแบบ หลายคนเรียก positive thinking and negative thinking แปลตรงๆ คือ ความคิดเชิงบวก และความคิดเชิงลบ เป็นไปตามธรรมชาติ ตามแต่ละสถานการณ์ และพฤติกรรมที่ต้องแก้ไข ซึ่งการฝึกพฤติกรรมเพื่อให้สุนัขยอมรับในการเป็นจ่าฝูง คือการทำให้สุนัขเชื่อฟังที่ตัวเรา โดยปราศจากสิ่งปรุงแต่งใดๆ จนเกิดความเคยชิน ทำให้เป็นเหมือนชีวิตประจำวัน เป็นตารางชีวิตของสุนัข เพื่อให้เค้ารู้ว่าเค้ามีหน้าที่ มีคุณค่ากับเจ้าของ แบบนี้สุนัขของเพื่อนๆ จะว่าง่ายไปตลอดชีวิต เหนื่อยตอนแรก แต่สบายไป 8 ชาติ

 

ประโยชน์ของการฝึกสุนัข

สุนัขควรได้รับการฝึกไหม แน่นอนควรสิ เหมือนกับมนุษย์ที่ต้องมีการศึกษา ประโยชน์ของการฝึกสุนัข ก็เหมือนเมื่อคุณมีการศึกษา คุณก็จะมีสติปัญญามากกว่าคนไม่เคยมีการศึกษา การศึกษาไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่เป็นรากฐานของการใช้ประโยชน์ เพื่อสานต่อการใช้ชีวิตของเจ้าของกับสุนัขของตนในรูปแบบเดียวกัน ไม่ไปกันคนละทาง ไม่ทำให้เจ้าของเดือดร้อน อย่าลืมว่า ปัจจุบันมนุษย์เอาสุนัขเข้ามาเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อน แก้เหงา เป็นครอบครัว เป็นเพื่อนซี้ ไม่ใช่เพื่อนซี้ซั้ว หรือ มาทำลายล้างคนในครอบครัว และสำหรับครูโจอี้ เพื่อพัฒนาความคิดของมนุษย์ว่า เจ้าหมานี่ละ มันน่ารักน่าเอ็นดู แสนรู้ เลี้ยงเป็น Buddy กับคนได้เลย ทำให้ผู้พบเห็นรักหมามากขึ้น ทำให้สังคมหมาเกิดการยอมรับ และแผ่ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับในต่างประเทศ เราอยากเห็นหมาเดินเข้าห้าง เข้าร้านอาหารแบบเข้าไปในห้องแอร์ และเข้าไปเป็นผู้ช่วยแพทย์ เพื่อบำบัดรักษาคนไข้ที่ต้องการสุนัขบำบัดให้แง่จิตใจ ว้าว! ฟังดูยอดเยี่ยมมากๆ

 

การฝึกสุนัขควรเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไหร่

สุนัขควรฝึกตั้งแต่แรกเกิด แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์ แต่เป็นหน้าที่ของแม่หมา แม่หมาจะเลี้ยง และสอนเรื่องการดูแลความสะอาด ความไว้ใจ สิ่งที่ต้องระวัง การเข้าสังคม เป็นต้น ส่วนเจ้าของมีหน้าที่เริ่มฝึกตั้งแต่สุนัขอายุ 3 เดือนขึ้นไป ถึงตลอดชีวิต แม้แต่สุนัขที่มีอายุเยอะแล้ว เพราะ สุนัขเป็นสัตว์ที่อยู่กับปัจจุบัน จึงไม่ได้มีข้อจำกัดให้การแก้ไขพฤติกรรมต่างๆ แต่สิ่งที่จะฝึกยากสำหรับสุนัข หากไม่ทำตั้งแต่ยังเด็กจะมีแค่เรื่อง ฝึกขับถ่าย

 

สุนัขที่มีโรคประจำตัวสามารถรับการฝึกได้หรือไม่

สุนัขที่มีโรคประจำตัวสามารถรับการฝึกได้ แต่ต้องดูเป็นเคสๆไป ว่าต้องการฝึกอะไร มีผลกระทบกับโรคที่สุนัขเป็นไหม เช่น ฝึกให้กระโดดขึ้นรถเอง แต่สุนัขเป็นโรคข้อกระดูกเสื่อม หรือ ฝึกอะไรที่ต้องเผาผลาญพลังงานมากๆ แต่สุนัขค่าตับ ค่าไตสูงแบบนี้ก็ไม่ได้ หรือ ฝึกเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้สายตามากๆ หรือต้องการความว่องไวทางประสาท ก็ไม่สามารถฝึกได้ หากสุนัขเริ่มแก่แล้ว เป็นต้น

 

สายพันธุ์สุนัขมีผลต่อการฝึกหรือไม่

สายพันธุ์สุนัขปัจจุบันมีมากมาย ซึ่งโดยทั่วไปจะฝึกทุกอย่างเหมือนกันได้ คือ พื้นฐานการเชื่อฟังคำสั่ง เช่น นั่ง ชิด หมอบ คอย นอน ขอมือ เป็นต้น แต่จะมีจำแนกบางสายพันธุ์ที่มีความจำเพาะจริงๆ ที่อยากเอาไว้เขียนละเอียดอีกที่ในบทความหน้า เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจ และเอาไว้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกสุนัขคู่ใจให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน ความต้องการ เวลาและสถานที่ของเพื่อนๆ โดยไม่ต้องนึกเสียใจภายหลังว่า รู้งี้เอาพันธุ์นี้ดีกว่า หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยคกับเพื่อนๆ หากชอบก็แชร์ให้เพื่อนๆ ที่เป็นทาสหมากันด้วยนะ

 

Jojo House Dog Master

www.facebook/jojo house dog master
Tel. 081-554 6999