ความวิตกกังวลในสุนัข และแมว (anxiety) เป็นหนึ่งรูปแบบของอารมณ์เชิงลบที่พบได้บ่อย โดยเป็นสภาวะทางอารมณ์ หากเกิดขึ้นเป็นประจำ หรือเกิดขึ้นในระยะยาว จะสามารถส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของสัตว์ได้
สาเหตุของ ความวิตกกังวลในสุนัข และแมว
ความวิตกกังวลในสุนัข และแมว จะเกิดขึ้นเมื่อ สัตว์เลี้ยงคาดการณ์ได้ว่า ตัวกระตุ้นใดตัวกระตุ้นหนึ่งที่พวกเขากลัวกำลังจะเกิดขึ้น โดยสุนัขและแมวอาจมีความวิตกกังวลต่อตัวกระตุ้น หรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งที่จำเพาะ เช่น ฝนตก เนื่องจากฝนตกเป็นสัญญาณที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นที่สุนัขส่วนใหญ่กลัว เป็นต้น
ในหลาย ๆ กรณี สัตว์อาจมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์หลาย ๆ สถานการณ์ ต่อตัวกระตุ้นหลาย ๆ รูปแบบ ได้เช่นกัน โดยแนวทางในการจัดการต่อความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในแต่ละลักษณะจะมีความแตกต่างกันออกไป

การสังเกตความวิตกกังวลในสุนัข และแมว
อย่างที่เราทราบกันดีว่า สัตว์เลี้ยงไม่สามารถสื่อสารกับเราด้วยภาษาพูดที่มนุษย์เข้าใจได้ ดังนั้น เราจะรู้ว่าสุนัขและแมวกำลังเผชิญกับความวิตกกังวลอยู่ หรือไม่ จึงจำเป็นต้องอาศัยการสังเกตการแสดงออกทางพฤติกรรมของพวกเขา
โดยตัวอย่างของพฤติกรรมที่อาจสะท้อนถึงความวิตกกังวลในสุนัข ได้แก่ การเดินไปเดินมา ส่งเสียงเห่าหรือหอนมากกว่าปกติ ตัวสั่น การตื่นระหว่างนอนกลางดึก การขับถ่ายไม่เป็นที่ การเลียตัวเองมากจนเกินไป และพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นต้น
สำหรับแมว เมื่อเกิดความวิตกกังวล อาจพบพฤติกรรมดังต่อไปนี้ ปลีกตัวไปอยู่ตัวเดียวมากกว่าปกติ มีการส่งเสียงร้องเพิ่มมากขึ้น กินอาหารลดลง เลียขนตัวเองเพิ่มมากขึ้นจนเกิดความผิดปกติกับขนหรือผิวหนัง ขับถ่ายนอกกระบะทราย ไปจนถึงแสดงความก้าวร้าวต่อสัตว์หรือคนในบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาจะสามารถสะท้อนถึงภาวะความวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นในสุนัขและแมวได้ แต่พฤติกรรมเหล่านี้ก็อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุอื่น เช่น ปัญหาสุขภาพ ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากพบสัตว์เลี้ยงมีพฤติกรรมดังกล่าว สิ่งที่เจ้าของควรทำอันดับแรกคือ การพาสุนัขและแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด หากไม่พบสิ่งปกติใด ๆ จึงพิจารณาถึงสาเหตุทางด้านจิตใจต่อไป

ตัวกระตุ้นที่ก่อให้ความวิตกกังวลในสัตว์เลี้ยง
สำหรับตัวกระตุ้นหรือสถานการณ์ที่มักพบว่าก่อความวิตกกังวลในสุนัข ได้แก่ การแยกออกจากเจ้าของ เสียงดังในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เสียงพลุ หรือเสียงฝนตกฟ้าร้อง เป็นต้น
สำหรับแมว การย้ายที่อยู่อาศัย การมีปฏิสัมพันธ์กับแมวตัวอื่น ๆ ทั้งในและนอกบ้าน การอยู่ในบริเวณที่ไม่มีพื้นที่หลบซ่อน หรือพื้นที่ที่จะปีนป่ายขึ้นไปบนที่สูงได้ ถือเป็นตัวกระตุ้นหรือสถานการณ์ที่มักจะเหนี่ยวนำให้เกิดความวิตกกังวลในแมว
อย่างไรก็ตาม ป้จจัยหนึ่งที่สำคัญในการกำหนดการตอบสนองต่อตัวกระตุ้นที่ได้กล่าวมาดังกล่าว คือลักษณะพื้นอารมณ์ของแมวแต่ละตัว โดยหากเป็นแมวที่มีพื้นอารมณ์ที่มีแนวโน้มจะวิตกกังวลได้ง่าย การอยู่ในสถานที่ใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย หรือเจอกับคนที่มีลักษณที่ไม่คุ้นเคย ก็สามารถทำให้สุนัขและแมวเกิดความวิตกกังวลได้เช่นกัน
การจัดการความวิตกกังวลในสัตว์เลี้ยง
หากสุนัขหรือแมวที่เราเลี้ยงมีปัญหาเรื่องความวิตกกังวล จนก่อให้เกิดปัญหาพฤติกรรม หรือกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เราจะมีแนวทางในการจัดการอย่างไรได้บ้าง
ในเบื้องต้น ผู้เลี้ยงควรป้องกัน หรือหลีกเลี่ยง การพบเจอกับสถานการณ์ หรือตัวกระตุ้น ที่จะก่อให้เกิดความวิตกกังวลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การพาสัตว์เลี้ยงไปเจอกับตัวกระตุ้น หรือไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้วิตกกังวลบ่อย ๆ อาจทำให้สัตว์เลี้ยงวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น และทำให้การบำบัดปัญหามีความยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย
การหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกับสถานการณ์หรือตัวกระตุ้น นอกจากจะเป็นการจัดการในระยะสั้น กล่าวคือช่วยให้สัตว์ไม่ต้องเกิดความวิตกกังวลแล้วนั้น การจัดการไม่ให้สัตว์เลี้ยงได้เจอกับสิ่งกระตุ้น หรือสถานการณ์ดังกล่าวในระยะเวลานาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้มีการตอบสนองที่ลดลง เมื่อได้กลับมาเจออีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์ช่วยลดความวิตกกังวล เช่น ฟีโรโมนสังเคราะห์ หรืออาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากความวิตกกังวลได้

แนวทางสำคัญของการจัดการกับความวิตกกังวล คือการทำพฤติกรรมบำบัด (Behaviour modification) ซึ่งเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของสัตว์เลี้ยง ที่มีต่อสถานการณ์หรือตัวกระตุ้นที่เป็นปัญหา จากลบให้กลายมาเป็นบวก
เมื่อความวิตกกังวลซึ่งเป็นอารมณ์เชิงลบถูกแทนที่ด้วยอารมณเชิงบวก พฤติกรรมที่เป็นปัญหาที่ถูกผลักดันโดยความวิกตกังวลก็จะไม่ปรากฏให้เห็นในที่สุด เนื่องจากกระบวนการทำพฤติกรรมบำบัดมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรทำการปรึกษาสัตวแพทย์ที่ทำงานด้านพฤติกรรมสัตว์ เพื่อร่วมกันวางแผนการทำพฤติกรรมบำบัด ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเรา
นอกจากนี้ ในกรณีที่สัตว์มีความวิตกกังวลในระดับที่รุนแรงจนส่งผลต่อการทำพฤติกรรมบำบัด หรือส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันกับผู้เลี้ยง หรือสัตว์เลี้ยงที่มีความวิตกกังวลต่อตัวกระตุ้นในหลากหลายลักษณะ อาจจำเป็นจะต้องมีการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงผ่อนคลาย และช่วยให้กระบวนการทำพฤติกรรมบำบัดสามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยการใช้ยาดังกล่าว มักเป็นการใช้ในระยะยาว (ไม่ต่ำกว่า 8-9 เดือน) ผู้เลี้ยงควรปรึกษาสัตวแพทย์ที่ทำงานด้านพฤติกรรมถึงความจำเป็น แนวทาง และแผนในการใช้ยา และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด
จะเห็นได้ว่า ความวิตกกังวลนั้น หากเกิดขึ้นมาก หรือนานเกินไป จะสามารถส่งผลเสียทั้งต่อพฤติกรรม และคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความวิตกกังวลนั้น สามารถจัดการได้ โดยใช้แนวทางหลาย ๆ แนวทางประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัวสัตว์ การทำพฤติกรรมบำบัด ตลอดจนการใช้ยา
ดังนั้น หากผู้เลี้ยงสังเกตเห็นพฤติกรรมที่อาจสะท้อนถึงปัญหาความวิตกกังวล ควรรีบนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและวางแนวทางการบำบัดต่อไป
บทความโดย
อ.ดร.น.สพ.ปรารมภ์ ศรีภวัศราคม
Prarom Sriphavatsarakom, DVM (Hons), MScStud, PhD
Faculty of Veterinary Science Mahidol University
- Animal Behaviour Clinic, Pasu-arthorn Animal Hospital, Mahidol University
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – รับแมวใหม่เข้าบ้าน ให้เข้ากันได้กับแมวเดิม
