อิงลิชบูลด็อก เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่มีเอกลักษณ์ และเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยรูปร่างล่ำสั้น ใบหน้ามีรอยย่น และท่าทางที่ดูดุดันแต่กลับมีนิสัยอ่อนโยน ใครที่เคยสัมผัสพวกเขาจริง ๆ จะรู้ว่าภายใต้หน้าบึ้งนั้นคือ สุนัขที่รักเจ้าของสุดหัวใจ ขี้อ้อน และมีอารมณ์ขันในแบบของตัวเอง
1. ประวัติความเป็นมาและข้อเท็จจริงที่น่าสนใจของ อิงลิชบูลด็อก
อิงลิชบูลด็อก มีต้นกำเนิดจากอังกฤษ ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 พวกเขาเคยถูกใช้ในกีฬาต่อสู้กับวัว (Bull-baiting) ซึ่งเป็นกีฬาที่โหดร้าย แต่เมื่อกีฬานี้ถูกยกเลิกในปี 1835 ผู้เพาะพันธุ์ได้พัฒนาบูลด็อกให้มีนิสัยอ่อนโยน และกลายเป็นสุนัขเลี้ยงในบ้านที่เป็นมิตรและรักสงบ
แม้ว่าภาพลักษณ์ของพวกขาจะดูแข็งแกร่งและดุดัน แต่ในความเป็นจริง อิงลิชบูลด็อกเป็นสุนัขที่รักสงบ ไม่ก้าวร้าว และเข้ากับครอบครัวได้ดี พวกเขาชอบอยู่ใกล้ชิดเจ้าของ และบางตัวก็มีนิสัยขี้เกียจ ชอบนอนมากกว่าการวิ่งเล่นเสียอีก

2. คำจำกัดความของ “บูลด็อก”
อิงลิชบูลด็อกมักเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และความภักดี เนื่องจากลักษณะหน้าตาที่ดูจริงจังและมุ่งมั่น พวกเขาถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหลายองค์กร เช่น
- สโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea FC) – แม้ว่ามาสคอตอย่างเป็นทางการของทีมจะไม่ใช่บูลด็อก แต่แฟนบอลหลายคนมองว่าความแข็งแกร่งของเชลซีสะท้อนถึงบูลด็อก
- มหาวิทยาลัยจอร์เจีย (University of Georgia, UGA) – ทีมกีฬาของมหาวิทยาลัยใช้ “UGA” ซึ่งเป็นอิงลิชบูลด็อกเป็นมาสคอตประจำทีม และกลายเป็นหนึ่งในมาสคอตที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการกีฬาสหรัฐฯ
- นาวิกโยธินสหรัฐฯ (United States Marine Corps) – ใช้บูลด็อกเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความอดทน โดยมี “Chesty” สุนัขสายพันธุ์อิงลิชบูลด็อกเป็นมาสคอตของกองทัพ
3. การดูแลอิงลิช บูลด็อกให้มีความสุข
- ให้พวกเขาได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าของ บูลด็อกติดคนมาก พวกเขาไม่ชอบอยู่ตัวเดียวเป็นเวลานาน
- ระวังเรื่องอากาศร้อน สุนัขหน้าสั้นมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ไม่ควรพาออกไปออกกำลังกายหนักในวันที่อากาศร้อน
- ทำความสะอาดรอยย่นบนใบหน้า เพื่อป้องกันเชื้อราหรือการอักเสบ
- ให้อาหารที่เหมาะสม ควบคุมน้ำหนัก เพราะบูลด็อกมีแนวโน้มอ้วนง่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อต่อและสุขภาพโดยรวม
- พาเข้าสังคมตั้งแต่เด็ก เพื่อให้พวกเขามั่นใจ และสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้อย่างดี
4. อิงลิชบูลด็อกเหมาะกับใคร
อิงลิชบูลด็อกเป็นสุนัขที่มีนิสัยน่ารักและขี้เล่น แต่ก็มีความต้องการพิเศษในการดูแล ดังนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ คนที่เหมาะสมที่สุดควรมีลักษณะดังนี้:
- คนที่อยู่บ้านบ่อย ๆ บูลด็อกเป็นสุนัขที่ติดเจ้าของมาก และไม่ชอบอยู่โดดเดี่ยวเป็นเวลานาน พวกเขาต้องการความรัก และการดูแลอย่างต่อเนื่อง
- เจ้าของที่เข้าใจเรื่องสุขภาพของบูลด็อก เนื่องจากพวกเขามีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ปัญหาระบบทางเดินหายใจและข้อต่อ เจ้าของควรเข้าใจและพร้อมดูแลพวกมันเป็นพิเศษ
- คนที่อยู่ในสภาพอากาศเย็นหรือควบคุมอุณหภูมิได้
- บูลด็อกไม่สามารถทนความร้อนจัดได้ดี เนื่องจากพวกมันมีจมูกสั้นและเสี่ยงต่อภาวะฮีทสโตรก เจ้าของที่อาศัยอยู่ในที่ร้อนจำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศ และหาที่เย็นให้พวกเขาอยู่
- ผู้ที่ไม่ต้องการสุนัขพลังงานสูง บูลด็อกไม่ใช่สุนัขที่ต้องการการออกกำลังกายหนักเหมือนลาบราดอร์หรือฮัสกี้ แต่ยังคงต้องการการเดินเล่นเบา ๆ เพื่อป้องกันโรคอ้วน
- เจ้าของควรมีงบประมาณเพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากบูลด็อกมีปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย เจ้าของควรเตรียมพร้อมสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ

5. ข้อควรระวังเป็นพิเศษในการเลี้ยงบูลด็อก
- ปัญหาระบบทางเดินหายใจ (Brachycephalic Syndrome) เนื่องจากจมูกสั้น ทำให้หายใจลำบาก และไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้ เจ้าของควรหลีกเลี่ยงพาสุนัขออกไปข้างนอกในวันที่อากาศร้อน และอย่าปล่อยให้ออกแรงมากเกินไป
- ความเสี่ยงต่อโรคอ้วน บูลด็อกเป็นสายพันธุ์ที่น้ำหนักขึ้นง่าย และหากอ้วนเกินไป อาจส่งผลต่อข้อต่อและหัวใจ ต้องควบคุมอาหารและให้พวกมันได้เคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม
- ปัญหาผิวหนัง รอยพับบนหน้าของบูลด็อกสามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ต้องทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- ความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิ พวกเขาไม่สามารถทนร้อนหรือหนาวจัดได้ดี ควรมีที่พักที่อากาศถ่ายเทและควบคุมอุณหภูมิได้
- ปัญหาด้านข้อต่อและกระดูก บูลด็อกมีแนวโน้มเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมและปัญหาหลัง หลีกเลี่ยงการให้พวกมันกระโดดขึ้นลงที่สูง หรือเดินบนพื้นลื่นมากเกินไป
6. บูลด็อกเลี้ยงร่วมกับสัตว์อื่นได้ไหม
บูลด็อกสามารถเข้ากับสุนัขตัวอื่นและสัตว์เลี้ยงอื่นได้ หากได้รับการเข้าสังคมอย่างเหมาะสมตั้งแต่ยังเด็ก พวกขาไม่มีสัญชาตญาณนักล่าเหมือนสุนัขบางสายพันธุ์ จึงสามารถอยู่ร่วมกับแมวได้ แต่เนื่องจากพวกมันมีแรงเยอะและบางครั้งเล่นแรง อาจต้องระวังไม่ให้ไปกระแทกสัตว์ตัวเล็กเกินไป
- อิงลูชบูลด็อกกับสุนัขด้วยกัน
โดยทั่วไป อิงลิชบูลด็อกเป็นมิตรกับสุนัขตัวอื่น และไม่ได้ก้าวร้าวเหมือนบูลด็อกยุคเก่า แต่พวกเขาอาจมีนิสัยดื้อรั้นและชอบเป็นจ่าฝูงในบางกรณี หากเลี้ยงร่วมกับสุนัขตัวอื่น ควรเลือกพันธุ์ที่มีระดับพลังงานใกล้เคียงกัน เช่น บูลด็อกพันธุ์อื่น ๆ (French Bulldog, American Bulldog) หรือสุนัขขนาดกลางที่มีพลังงานปานกลาง
สุนัขอิงลิชบูลด็อกไม่ควรเลี้ยงร่วมกับสุนัขที่มีพลังงานสูงมากเกินไป เช่น ไซบีเรียน ฮัสกี้ หรือบอร์เดอร์ คอลลี่ เพราะอาจทำให้บูลด็อกรู้สึกหงุดหงิด หรือเล่นหนักจนบาดเจ็บ ควรสังเกตปฏิกิริยาของพวกมันเมื่ออยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่น โดยเฉพาะเพศเดียวกัน เพราะในบางกรณี บูลด็อกเพศเดียวกันอาจมีพฤติกรรมแสดงอาณาเขต
- อิงลิชบูลด็อกกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น
บูลด็อกไม่มีสัญชาตญาณนักล่าเหมือนสุนัขบางสายพันธุ์ จึงสามารถอยู่ร่วมกับแมว และสัตว์เลี้ยงตัวเล็กได้ แต่ควรให้พวกมันคุ้นเคยกันตั้งแต่ยังเล็ก ควรระวังเรื่องพฤติกรรมขี้เล่นของบูลด็อก เพราะพวกมันอาจเล่นแรงเกินไปจนทำให้สัตว์ตัวเล็กตกใจหรือได้รับบาดเจ็บ หากต้องการให้บูลด็อกอยู่ร่วมกับสัตว์อื่น เช่น นกหรือกระต่าย ควรมีการฝึกให้รู้จักกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรปล่อยให้พวกมันอยู่ด้วยกันตามลำพังในช่วงแรก

7. ความสำคัญของการพาเข้าสังคม (Socialization) และความถี่ที่ควรทำ
- ทำไมการพาเข้าสังคมจึงสำคัญ?
อิงลิชบูลด็อกอาจมีนิสัยดื้อรั้น หากไม่ได้รับการเข้าสังคมที่เหมาะสม อาจกลายเป็นสุนัขที่ระแวง หรือไม่มั่นใจเมื่อต้องเจอคนหรือสัตว์อื่น พฤติกรรมก้าวร้าวหรือหวงของอาจเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้ถูกฝึกให้เคยชินกับสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย ดังนั้น การพาเข้าสังคจึงช่วยลดพฤติกรรมกลัวสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เช่น เสียงดัง คนแปลกหน้า หรือสัตว์อื่น
- ควรพาเข้าสังคมบ่อยแค่ไหน?
ในช่วงวัยลูกสุนัข (8-16 สัปดาห์): เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่ควรพาพวกเขาไปเจอผู้คน สถานที่ และสัตว์อื่น ๆ อย่างปลอดภัย ควรพาออกไปพบปะสิ่งใหม่ ๆ อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
ในช่วงวัยรุ่น (4-12 เดือน): ควรมีการเข้าสังคมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบูลด็อกจะเริ่มโตแล้ว พวกเขายังต้องการประสบการณ์เชิงบวกกับสัตว์และคนอื่น ๆ เพื่อสร้างนิสัยที่มั่นคง
ช่วงโตเต็มวัย: แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องพาออกไปบ่อยเหมือนตอนเด็ก ๆ แต่ก็ควรพาออกไปเจอสังคมบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้พวกเขาคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมและคนใหม่ ๆ
- วิธีพาเข้าสังคมที่เหมาะสม
เริ่มจากสถานที่ที่สงบก่อน เช่น การเดินเล่นในหมู่บ้านหรือพบปะสุนัขที่รู้จักกันดี โดยใช้วิธีเชิงบวก เช่น ให้ขนมหรือคำชม เมื่อบูลด็อกแสดงพฤติกรรมดี เมื่อพบสุนัขหรือคนแปลกหน้า หลีกเลี่ยงการพาเข้าสังคมในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังหรือมีคนเยอะเกินไปในช่วงแรก เพราะอาจทำให้พวกเขากลัว หากพบบูลด็อกมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือหวาดระแวง ควรให้เวลาพวกมันปรับตัว และไม่บังคับให้เข้าใกล้สิ่งที่พวกเขาไม่สบายใจ

8. สถานที่ที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงอิงลิชบูลด็อก
- บ้านที่มีระบบปรับอากาศหรือพัดลมระบายอากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำคัญมาก ควรมีห้องที่เย็นพอในช่วงอากาศร้อน
- บ้านที่มีพื้นที่เดินเล่นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก บูลด็อกไม่ต้องการพื้นที่กว้างมาก แต่ควรมีลานเล็ก ๆ หรือบริเวณที่พวกมันสามารถเดินเล่น และออกกำลังกายเบา ๆ ได้
- พื้นที่ที่ไม่มีบันไดสูง หรือพื้นลื่นมากเกินไป บูลด็อกมีปัญหาข้อต่อ การต้องขึ้นลงบันไดสูง ๆ บ่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ
- บ้านที่ไม่มีสุนัขตัวอื่นที่พลังงานสูงมากเกินไป บูลด็อกเข้ากับสุนัขตัวอื่นได้ดี แต่ไม่เหมาะกับสุนัขที่ชอบเล่นแรง ๆ เช่น ไซบีเรียนฮัสกี้ หรืออะแลสกันมาลามิวท์
- พื้นที่ที่ไม่มีอากาศชื้นเกินไป ความชื้นสูงอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจและปัญหาผิวหนัง
9. ความเชื่อเกี่ยวกับบูลด็อก
- ความเชื่อผิด ๆ
“บูลด็อกเป็นสุนัขดุร้าย” จริง ๆ แล้ว อิงลิช บูลด็อกเป็นสุนัขที่อ่อนโยนมากในปัจจุบัน พวกมันถูกพัฒนานิสัยให้เป็นมิตร แตกต่างจากบูลด็อกยุคเก่าที่ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อต่อสู้
“บูลด็อกไม่ต้องออกกำลังกาย” หลายคนคิดว่าบูลด็อกเป็นสุนัขขี้เกียจ แต่พวกมันยังคงต้องการการออกกำลังกายที่เหมาะสม มิฉะนั้นอาจเป็นโรคอ้วนและมีปัญหาสุขภาพ
“บูลด็อกไม่สามารถคลอดเองได้เลย” แม้ว่าบูลด็อกส่วนใหญ่ต้องใช้การผ่าคลอด แต่ก็ยังมีบางตัวที่สามารถคลอดเองได้หากได้รับการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดี
- เรื่องเล่าที่ไม่อาจพิสูจน์ได้
บูลด็อกยุคแรกอาจไม่ได้มีต้นกำเนิดในอังกฤษแท้ ๆ แม้ว่าจะถูกเรียกว่า “English Bulldog” แต่มีหลักฐานว่า บูลด็อกอาจมีรากฐานจากสุนัขสายพันธุ์โมโลสเซอร์ (Molossers) จากแถบยุโรป อย่างสเปนและกรีซ สุนัขเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของสุนัขนักสู้หลายสายพันธุ์ รวมถึงมาสทิฟฟ์ และอิงลิชบูลด็อก
บันทึกเก่า ๆ ยังระบุว่าสุนัขที่คล้ายบูลด็อกถูกใช้ในการล่าหมูป่า และทำงานในฟาร์มก่อนที่จะถูกนำไปใช้ในกีฬาต่อสู้กับวัวในอังกฤษ
- เรื่องราวที่ไม่ค่อยถูกเล่าเกี่ยวกับบูลด็อก
- บูลด็อกยุคแรกเคลื่อนไหวเร็วและแข็งแรงกว่า บูลด็อกในอดีตมีรูปร่างที่กระชับ และแข็งแกร่งกว่าปัจจุบัน พวกเขาสามารถวิ่งและกระโดดได้ดีมาก ต่างจากบูลด็อกยุคใหม่ที่มีใบหน้าสั้นขึ้นและมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- บูลด็อกเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
หลังจากที่กีฬาต่อสู้กับวัวถูกยกเลิก จำนวนบูลด็อกลดลงอย่างมากจนเกือบจะหายไปจากโลก โชคดีที่นักเพาะพันธุ์ในยุควิกตอเรียพยายามพัฒนาสายพันธุ์ให้มีนิสัยอ่อนโยนและเหมาะกับการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง
- พวกเขาเคยเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นแรงงาน
บูลด็อกเคยเป็นสุนัขของชนชั้นแรงงานในอังกฤษ พวกเขาถูกใช้เพื่อปกป้องบ้านเรือนและช่วยงาน แต่ต่อมากลายเป็นสุนัขยอดนิยมของชนชั้นสูงและราชวงศ์

บทสรุป
อิงลิช บูลด็อกเป็นสายพันธุ์ที่มีประวัติยาวนาน จากสุนัขนักสู้ในสังเวียนจนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงประจำครอบครัว และสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง แม้พวกเขาจะมีปัญหาสุขภาพบางอย่างจากการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ แต่บูลด็อกก็ยังคงเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ และเป็นที่รักของคนทั่วโลก
อิงลิชบูลด็อกอาจดูเป็นสุนัขหน้าบึ้ง แต่แท้จริงแล้วพวกมันเป็นเพื่อนที่แสนอบอุ่นและรักเจ้าของสุดหัวใจ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่างในเรื่องสุขภา พและความต้องการในการดูแล แต่สำหรับคนที่หลงรักเสน่ห์ของพวกมัน บูลด็อกคือสุนัขที่เต็มไปด้วยความรักและความซื่อสัตย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นสุนัขของมหาเศรษฐี นายกรัฐมนตรี หรือมาสคอตของกองทัพ อิงลิชบูลด็อกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกมันไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่เป็นเพื่อนแท้ที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกและเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน
หากคุณกำลังมองหาสุนัขที่อ่อนโยน ติดบ้าน และมีนิสัยน่ารัก อิงลิชบูลด็อกอาจเป็นเพื่อนแท้ที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้
บทความโดย
ภาณุ ศรีรัตนประภาส จากเพจ ส่ายหาง The Happy Tails
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – อิงลิชบูลด็อก vs. เฟรนช์บูลด็อก เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
