เมื่อเราต้องเผชิญ อาการชักในสุนัข อย่าเพียงแค่ตกใจ แต่ต้องเข้าใจและพร้อมช่วยเหลือ
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังนั่งเล่นกับน้องหมาตัวโปรดอยู่ดี ๆ แล้วเขาก็ล้มลงกับพื้น ตัวเกร็ง กระตุก น้ำลายฟูมปาก ดวงตาเหลือกขึ้น เชื่อว่าวินาทีนั้น … หัวใจของคุณแทบหยุดเต้นเช่นกัน อาการชักในสุนัข ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ก็ไม่ใช่จุดจบ หากเรารู้เท่าทัน และตั้งสติได้ถูกต้อง
อาการชักในสุนัข คืออะไร?
“อาการชัก” คือภาวะที่สมองส่งสัญญาณไฟฟ้าผิดปกติอย่างฉับพลัน ทำให้ร่างกายของสุนัขตอบสนองแบบไม่ควบคุม เช่น ตัวเกร็ง กระตุก หรือล้มลงโดยไม่มีสติชั่วคราว
รูปแบบของอาการชัก
- ชักทั้งตัว (Generalized seizure): ล้มลง ตัวเกร็ง ตาเหลือก น้ำลายฟูมปาก
- ชักบางส่วน (Focal seizure): กระตุกแค่บางจุด เช่น กล้ามเนื้อหน้า ใบหู ขา
- ชักแบบไม่เกร็ง (Absence seizure): เหม่อลอย ไม่ตอบสนองชั่วครู่

สาเหตุของ อาการชักในสุนัข
อาการชักอาจมีสาเหตุหลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น
1. สาเหตุทางสมอง (Intracranial)
- โรคลมชัก (Epilepsy) – พบบ่อยในพันธุ์เช่น บีเกิล, ลาบราดอร์, บอร์เดอร์คอลลี่
- เนื้องอกในสมอง – พบในสุนัขสูงวัย
- การอักเสบของสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง
2. สาเหตุจากภายนอกสมอง (Extracranial)
- ภาวะน้ำตาลต่ำ (Hypoglycemia) – โดยเฉพาะในลูกสุนัขพันธุ์เล็ก
- ความผิดปกติของตับหรือไต – เช่น ตับวาย, พิษสะสม
- การกินของมีพิษ – เช่น ยาฆ่าหญ้า ช็อกโกแลต ไซลิทอล
- พยาธิเม็ดเลือดบางชนิด – เช่น บาบีเซีย ที่กระทบระบบประสาท
วิธีสังเกตอาการชัก
- ตัวเกร็ง กระตุกอย่างรุนแรง
- น้ำลายฟูมปาก หรือมีฟองขาว
- ดวงตาเหลือก หรือมองลอย
- ปัสสาวะ/อุจจาระราดโดยไม่รู้ตัว
- มีพฤติกรรมผิดปกติหลังกำเริบ เช่น เดินวน ไม่รับรู้สภาพแวดล้อม
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อมีอาการชัก
สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ตั้งสติให้ได้ก่อนหมาหยุดชัก”
✅ สิ่งที่ควรทำ
- ย้ายสิ่งของรอบตัวออก เพื่อป้องกันไม่ให้หมาไปกระแทกของแข็ง
- จับเวลา ว่าชักนานกี่นาที (ถ้าเกิน 5 นาทีถือว่าอันตราย)
- หรี่ไฟ ลดเสียงรบกวน เพื่อให้สุนัขฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- อยู่ใกล้ ๆ อย่างเงียบสงบ ให้เขารู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้
- ถ่ายวิดีโอถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้สัตวแพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำ
❌ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด
- ห้ามจับปากหรือเอานิ้วแหย่ปาก หมาอาจกัดโดยไม่รู้ตัว
- ห้ามเขย่าตัวหรือเรียกเสียงดัง
- ห้ามพยายามป้อนน้ำหรืออาหารในขณะกำลังชัก
หลังชัก ควรพาไปหาสัตวแพทย์เมื่อไหร่?
- ถ้าหมาชักนานเกิน 3–5 นาที
- ถ้าชักซ้ำหลายครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ถ้าไม่มีอาการชักมาก่อน แล้วชักกะทันหัน
- ถ้ามี อาการอื่นร่วมด้วย เช่น ซึม อาเจียน ไม่กิน

💊 แนวทางการรักษา
1. หาสาเหตุและวินิจฉัย
- ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
- เอกซเรย์/CT scan/ MRI ถ้าต้องสงสัยปัญหาทางสมอง
2. การรักษาเฉพาะทาง
- ยากันชัก เช่น Phenobarbital, Levetiracetam, Potassium Bromide (ใช้ตามดุลพินิจของสัตวแพทย์เท่านั้น)
- รักษาโรคต้นเหตุ เช่น โรคตับ น้ำตาลต่ำ หรือพิษ
3. การดูแลระยะยาว
- กินยาอย่างเคร่งครัดตรงเวลา
- ไม่หยุดยาเอง
- ติดตามค่าตับ-ไตเป็นระยะ
- บันทึกอาการ/ความถี่ของการชักไว้เสมอ
การดูแลหมาที่มีภาวะชัก
- จัดมุมสงบ ไม่มีเสียงดังหรือสิ่งรบกวน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมตื่นเต้น หรืออากาศร้อนจัด
- อย่าปล่อยวิ่งเล่นลำพังในที่อันตราย เช่น ริมน้ำ หรือบนถนน
- อาหารควรมีคุณภาพสูง ไม่เติมน้ำตาล
- หมั่นสังเกตพฤติกรรม และแสดงความรักให้เขาอุ่นใจเสมอ
🧡 บทสรุป
อาการชักในสุนัข อาจน่ากลัวในสายตาเรา
แต่สำหรับเขา มันคือช่วงเวลาที่ร่างกายหมดการควบคุม สิ่งเดียวที่เขาต้องการไม่ใช่เสียงหวีดร้อง แต่คือ “มือของเรา” ที่วางข้างเขาอย่างเงียบ ๆ บอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เราอยู่ตรงนี้แล้ว
หากเรารู้ทัน รู้วิธีปฐมพยาบาล และไม่ชะล่าใจ
เราจะไม่เพียงช่วยให้เขารอดพ้นจากอันตราย
แต่ยังช่วยให้เขามีชีวิตที่ดี แม้จะมีโรคลมชักอยู่กับเขาก็ตาม
เพราะบางครั้ง “ชีวิตหมา” ก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจาก “คนที่เข้าใจ”
บทความโดย
คุณภาณุ ศรีรัตนประภาส ผู้ก่อตั้งเพจส่ายหาง The Happy Tails
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – โรคระบบประสาทในสัตว์เลี้ยง ที่พบได้บ่อย
