โรคตับอ่อนอักเสบในสุนัข (Pancreatitis) เป็นโรคที่ทำให้หัวใจคนเลี้ยงสั่นไหวได้เพียงชั่วข้ามคืน เพราะมันไม่ได้เริ่มด้วยอาการใหญ่โต แต่เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการอาเจียน เบื่ออาหาร หรือซึมลงนิดหน่อย จนหลายคนคิดว่า “คงแค่ท้องเสีย เดี๋ยวก็คงหาย”
แต่ความจริงคือ… โรคนี้สามารถพรากชีวิตสุนัขเราไปได้ในเวลาไม่กี่วัน และสิ่งที่ทำให้มันน่ากลัวที่สุดคือ มันไม่เคยเตือนล่วงหน้าเลยสักครั้ง
โรคนี้สอนเราว่า หน้าที่ของหมอคือการรักษาให้เขารอด… แต่หน้าที่ของเราคือการทำให้เขาไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำอีกตลอดชีวิต

🌡️ ทำไม โรคตับอ่อนอักเสบในสุนัข ถึงอันตรายกว่าที่คิด?
- ตับอ่อนย่อยตัวเอง: เอนไซม์ที่ควรย่อยอาหารในลำไส้ กลับย่อยตับอ่อนเอง ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง
- เสี่ยงถึงชีวิตในเวลาอันสั้น: ถ้าเอนไซม์รั่วเข้าสู่กระแสเลือด จะเกิดการอักเสบทั้งร่างกาย กระทบไต ตับ หัวใจ ทำให้เข้าสู่ภาวะช็อกได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
- โรคนี้ไม่จบแค่ครั้งเดียว: แม้สุนัขจะรอดจากครั้งแรก แต่ครั้งต่อไปมักรุนแรงกว่า และตับอ่อนที่เคยอักเสบแล้ว ฟื้นตัวได้ยาก
- อาการที่หลอกเรา: เริ่มแค่สุนัขไม่กินข้าว อาเจียนนิดหน่อย จนหลายคนเผลอรอดูอาการ ทั้งที่ในความจริง…ทุกนาทีอาจกำลังนับถอยหลังอยู่แล้ว
- โรคนี้ไม่มีคำว่า ‘รอดูไปก่อน’: ทุกชั่วโมงที่ช้า คือความเสี่ยงชีวิตของสุนัขเรา
⚠️ ปัจจัยเสี่ยงที่เจ้าของควรรู้
- สุนัขอ้วน: น้ำหนักเกินทำให้ตับอ่อนทำงานหนักกว่าปกติ
- สุนัขพันธุ์เล็ก: เช่น มินิ บูลเทอเรีย, ยอร์กเชียร์เทอร์เรีย, ชิสุ พบโรคนี้บ่อยกว่าพันธุ์ใหญ่
- สุนัขที่เคยกินอาหารมันบ่อย: หนังไก่ เนื้อหมูติดมัน ของทอด คือปัจจัยกระตุ้นที่เจอบ่อยในเคสตับอ่อนอักเสบ
**ถ้าสุนัขของเราเข้าข่ายในกลุ่มนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษและใส่ใจอาหารทุกคำตั้งแต่วันนี้

👩⚕️ การรักษา โรคตับอ่อนอักเสบในสุนัข = หมอเท่านั้น ไม่มีพื้นที่ให้ลองผิดลองถูก
โรคนี้ไม่ใช่โรคที่รักษาเองได้ และไม่ใช่โรคที่ควรเสิร์ชหาวิธีในอินเทอร์เน็ตแล้วลองทำตามเอง เพราะทุกการช้าคือการเสี่ยงชีวิตสุนัขเรา
- ต้องให้หมอเป็นคนวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือดเฉพาะทาง อัลตราซาวด์ และประเมินอาการอย่างใกล้ชิด
- ต้องรักษาในคลินิก/โรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ ควบคุมอาการอาเจียน ปรับสมดุลเกลือแร่ และบางครั้งต้องให้อดอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเองที่บ้านไม่ได้
- ฟังหมอเพียงคนเดียว ทำตามทุกคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- ห้ามรักษาเอง ห้ามลองใช้ยาหรืออาหารที่เจอในอินเทอร์เน็ต
- ห้ามฟังคำแนะนำจากใครก็ตามที่ไม่ใช่สัตวแพทย์ที่ดูแลเคสของเราอยู่
** โรคนี้ไม่เปิดโอกาสให้เราเดา…มีแต่ให้เราทำตามหมอเท่านั้น
🫶 ประสบการณ์จริงจากผู้เขียน — นัองชบาล่า สุนัขสายพันธุ์มินิบูลเทอร์เรีย กับการต่อสู้ โรคตับอ่อนอักเสบในสุนัข ที่เราจำไม่ลืม
ปลายปีที่แล้ว “ชบาล่า” มินิบูลเทอร์เรีย คุณยายตัวเล็กของบ้านเรา เกิดอาการซึม ไม่กินข้าว และอาเจียน ตอนแรกเราคิดว่าอาจจะกระเพาะอักเสบ แต่เมื่อพาไปหาหมอ ตรวจเลือดและอัลตราซาวด์ ทุกอย่างก็ชัดเจน… ตับอ่อนอักเสบ
ชบาต้องนอนโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือและรับการรักษาอย่างใกล้ชิด ตอนนั้นหัวใจเราก็เหมือนถูกบีบแน่นทุกวัน แต่สิ่งที่เราทำได้มีอย่างเดียวคือ ทำตามทุกคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ตารางการให้อาหาร ปริมาณอาหาร ไปจนถึงการสังเกตอาการหลังออกจากโรงพยาบาล
แม้จะต้องใจแข็งเวลาชบามองด้วยตาละห้อยขอของอร่อย หรือเวลาที่เราต้องปฏิเสธสิ่งที่เธอเคยกินได้ แต่เราบอกตัวเองทุกวันว่า “ความเข้มงวดวันนี้ คือโอกาสให้เธอมีพรุ่งนี้ที่แข็งแรง”
และวันนี้… ชบาล่ากลับมาวิ่งเล่น ยิ้มเก่ง และแข็งแรงเหมือนเดิม กลายเป็นคุณยายที่น่ารักของบ้านอีกครั้ง เราเชื่อจริง ๆ ว่า ถ้าเจ้าของทุกคนทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด มีวินัยในอาหารและการดูแล โรคนี้ก็สามารถรักษาหายได้

1. อาหาร: เส้นบาง ๆ ระหว่าง “หาย” กับ “เจ็บซ้ำ”
ควรให้อาหารสูตรไขมันต่ำที่หมอเลือกให้ (Low Fat / GI Low Fat) โปรตีนย่อยง่าย เช่น อกไก่ต้มสุกไม่ปรุง ฟักทองต้ม ข้าวต้มปลา แต่ต้องให้ตามที่หมออนุญาตเท่านั้น และแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ วันละ 3–4 มื้อ เพื่อลดภาระตับอ่อน
ห้ามให้เด็ดขาด ได้แก่ กลุ่มอาหารทอด ของมันทุกชนิด หนังไก่ ขาหมู หมูสามชั้น เนื้อวัวติดมัน ชีส ขนมสุนัขเคลือบไขมัน เศษอาหารบนโต๊ะ อาหารปรุงรส รวมไปถึงวิตามิน/อาหารเสริมใด ๆ ที่หมอไม่ได้สั่ง
** แค่สุนัข “เผลอกิน” ของมันเพียงครั้งเดียว ตับอ่อนก็พร้อมจะอักเสบซ้ำ และครั้งต่อไป… มักไม่ให้โอกาสเราแก้ตัวง่าย ๆ
2. การดูแลในทุกวัน: ความรักที่ต้องมาพร้อมวินัย
- คุมอาหารอย่างจริงจัง ต่อให้สุนัขมองด้วยตาละห้อย เพราะการปฏิเสธวันนี้ คือการยืดชีวิตเขาออกไปอีกหลายปี
- ป้องกันไม่ให้คุ้ยขยะหรือกินอาหารที่ไม่รู้ที่มา ถังขยะต้องปิดสนิท ของกินต้องเก็บมิดชิด
- คุมให้น้ำหนักเสุนัขะสม เพราะสุนัขอ้วนคือตัวกระตุ้นโรคนี้ให้กลับมาเร็วที่สุด
- สังเกตอาการทุกวัน: ถ้าอาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย หรือซึมผิดปกติ รีบพาไปหาหมอทันที อย่ารอดูอาการเอง เพราะโรคนี้ไม่มีคำว่า “รอดูไปก่อน” ทุกชั่วโมงที่ช้า คือความเสี่ยงชีวิต
3. ยากับการติดตาม
- ให้ยาตรงเวลา ห้ามหยุดเองแม้สุนัขจะดูเหมือนหายแล้ว
- แม้สุนัขดูปกติแล้ว ก็ควรตรวจเลือดตามที่หมอนัดเสมอ เพราะตับอ่อนอักเสบซ่อนอยู่ได้แม้สุนัขจะดูแข็งแรง
- พาไปตรวจอัลตราซาวด์ตามนัดเพื่อติดตามการทำงานของตับอ่อนระยะยาว
💬 บทสรุป
โรคนี้ทำให้เราเข้าใจว่า “ความรัก” ของคนเลี้ยง ไม่ใช่การตามใจสุนัขให้ได้ทุกอย่างที่อยากได้ แต่คือการปกป้องเขาจากสิ่งที่อาจพรากชีวิตเขาไป แม้เขาอาจไม่เข้าใจในวันนี้ก็ตาม
หมอรักษาให้เขารอดในวันที่วิกฤต แต่เราคือคนที่จะทำให้เขาไม่ต้องเจ็บป่วยซ้ำอีกตลอดชีวิต
และในวันที่สุนัขของเรากลับมายิ้ม วิ่งเล่น ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยเหมือน “ชบาล่า” วันนี้ เราจะรู้เลยว่า…ทุกความเข้มงวดที่เราทำไปในวันนั้น คือของขวัญที่ยืดเวลาชีวิตเขาให้อยู่กับเราไปได้อีกยาวนานที่สุด
บทความโดย
คุณภาณุ ศรีรัตนประภาส ผู้ก่อตั้งเพจส่ายหาง The Happy Tails
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – อาการชักในสุนัข
