ประวัติสายพันธุ์
สุนัขพันธุ์ ร็อตไวเลอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด ดั้งเดิมเป็นสุนัขพันธุ์ Molussus ของชนเผ่ากรีกโบราณในอาณาจักร Molossians ในต่อมาชาวโรมันได้นำสุนัขพันธุ์ Molussus เข้ามายังประเทศเยอรมนี (Germany)
หลังจากนั้นสุนัขพันธุ์ Molussus ได้ผสมพันธุ์กับสุนัขท้องถิ่น ทำให้เกิดเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหม่ขึ้นที่ภาคใต้ของประเทศเยอรมนี (Southern Germany) เป็นช่วงที่ชาวโรมันเริ่มมีการสร้างหมู่บ้านด้วยการปูกระเบื้องหลังคาสีแดงขึ้นทั้งหมู่บ้าน จึงมีชื่อหมู่บ้านว่า das Rote Wil (The red tile) และเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อสุนัขสายพันธุ์ใหม่ขึ้นเป็นชื่อสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์
ในปีต่อมาคนขายเนื้อ (Butchers) และคนเลี้ยงวัว (Cattlemen) นำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้งานเป็นสุนัขลากเกวียน (Drive cattle) ให้ลากของหนัก เช่น เนื้อสด หรือแบกเงินเข้าเมืองแทนวัว เพราะเป็นสุนัขที่แข็งแรง และเดินเร็วกว่าวัว เป็นสาเหตุทำให้สุนัขพันธุ์นี้เกือบสูญพันธุ์
ในปี ค.ศ. 1882 สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ได้มีการขึ้นแสดงโชว์สุนัขในประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรก
ในปี ค.ศ. 1901 ได้มีการปรับเปลี่ยนการใช้งานให้ลดลงของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ และสุนัขพันธุ์ลีออนเบอร์เกอร์ (Leonberger)
ในปี ค.ศ. 1920 สุนัขพันธุ์ร็อคไวเลอร์ ได้เข้ามายังสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
ในปี ค.ศ. 1931 ได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์สุนัขจากสมาคม The American Kennel Club (AKC)
ลักษณะทางกายภาพ
หัวมียาวปานกลาง หากมองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย จมูกใหญ่สีดำ ปากห้อยย้อยมีความยาวพอดีกับขนาดหัว ริมฝีปากชุ่มชื้นสีดำ เหงือกควรจะสีดำเข้ม ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างกว้างแข็งแรง
องค์กร The Fédération cynologique internationale (FCI) ได้ระบุถึงลักษณะพื้นฐานของสายพันธุ์ คือ
- มีฟันครบ 42 ซี่ ฟันสบแบบกรรไกร (Scissor bite) มีฟัน โดยฟันตัดบน (Upper incisors) ต้องยื่นเลยออกมามากกว่าฟันตัดล่าง (Lower incisors) ส่วนโค้งกระดูกโหนกแก้ม (Zygomatic arches) ควรเห็นชัดเจน
- ตาลึก มีขนาดปานกลาง เป็นรูปทรงอัลมอนด์ (Almond shaped) ดวงตามีสีน้ำตาลเข้ม
- หูห้อย มีขนาดปานกลาง ฐานหูตั้งและกว้างอยู่บริเวณบนสุดของหัว แต่จะพับลงตั้งแต่กลางหู เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม (Triangular shaped)
- ผิวหนังบริเวณหัวแน่นตึงทั้งหมด แต่ผิวหนังบริเวณหัวจะย่นได้เมื่อสุนัขตื่นตัว
- คอสั้น แข็งแรง มั่นคง เป็นกล้ามเนื้อทั้งหมด เวลาเห่าหรือออกเสียงจะไม่แหบ
- หลังตรง แข็งแรง อกกว้างลึก อยู่กึ่งกลางของความสูงหัวไหล่ และบริเวณสะโพกสั้นลึก
- หางสั้น เป็นรูปทรงบ็อบ (Bob tailed หรือ Stumpy) หรือนิยมตัดหางสุนัขให้สั้นลง แต่การตัดหางสุนัขถูกห้ามทำในประเทศเยอรมณี สหรัฐอเมริกา และในอีกหลายประเทศ
- ขน มีขนปกคลุมทั่วตัว 2 ชั้น โดยขนชั้นนอกจะมีความยาวปานกลาง ขนหยาบและแน่น ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและสะโพก บริเวณขาหลังจะมีขนปกคลุมน้อยที่สุด ในสภาพอากาศที่ร้อนจะมีการผลัดขนชั้นในออกให้บางลง
- มีความสูงมาตรฐานในสุนัขเพศผู้อยู่ที่ 24-27 นิ้ว หรือ 61-68 เซนติเมตร วัดจากหัวไหล่ถึงพื้น และในสุนัขเพศเมียอยู่ที่ 22-25 นิ้ว หรือ 56-63.5 เซนติเมตร
- มีน้ำหนักมาตรฐานในสุนัขเพศผู้อยู่ที่ 110-130 ปอนด์ หรือ 50-59 กิโลกรัม และในสุนัขเพศเมียอยู่ที่ 90-105 ปอนด์ หรือ 41-48 กิโลกรัม
อายุขัย
สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ โดยทั่วไปมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8-11 ปี
ลักษณะนิสัย
สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ มีความใจเย็น เชื่อมั่นในตัวเอง มีความซื่อสัตว์ต่อเจ้าของ รัก และยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อปกป้องเจ้าของ จัดเป็นสุนัขคู่หูที่ดีพันธุ์หนึ่ง แต่ก็มีความสามารถในการทำลายสูงมากเช่นกัน ซึ่งเจ้าของควรแสดงความรัก ความเอาใจใส่ กอดสุนัข หรือนอนกับสุนัข เป็นต้น หากเจ้าของสุนัขปล่อยปะละเลย สุนัขจะกลายเป็นสุนัขเห่าที่น่ารำคาญ หรือการขุดพื้นเท่าขนาดตัวสุนัข
ความแตกต่างของสุนัขเพศผู้และเพศเมีย คือสุนัขเพศผู้จะเงียบ และนิ่งกว่าสุนัขเพศเมีย ซึ่งสุนัขเพศเมียจะต้องการความรักมากกว่าสุนัขเพศผู้
การเข้ากับเด็ก
สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ เป็นสุนัขที่สามารถเข้ากับเด็กได้ดีเยี่ยม เหมาะสมกับทุกช่วงอายุ อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่แข็งแรง ตัวใหญ่ เนื่องจากพื้นฐานเป็นสุนัขที่ถูกใช้งาน ควรคอยสังเกต และระมัดระวังเด็กเล็กได้รับอันตรายขณะเล่นกับสุนัข ซึ่งตั้งแต่เด็กโตขึ้นไปจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้
การดูแล
การออกกำลังกาย
เนื่องจากเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ จำเป็นต้องพาสุนัขออกกำลังกายให้มากในแต่ละวัน เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง และนิสัยของสุนัขดีขึ้น ควรพาเดินอย่างน้อย 10-20 นาทีต่อวัน และพาสุนัขวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามเจ้าของควรออกมากับสุนัข ป้องกันสุนัขไปแอบหลับ หรือสามารถพาสุนัขเล่นกิจกรรม เช่น การให้สุนัขคาบของมาคืน การพาสุนัขเดินป่า เป็นต้น
หากไม่ได้ออกกำลังกาย หรือใช้พลังงานในแต่ละวัน จะทำให้สุนัขมีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น กัดของภายในบ้าน หรือขุดดินในสนามหญ้า และทำให้สุนัขอ้วน รวมถึงการเกิดปัญหาสุขภาพตามมา
อาหาร
ควรให้อาหารที่มีคุณภาพ ภายในอาหารต้องมีสารอาหารที่สำคัญเป็นหลัก ประกอบด้วย เมล็ดธัญพืช (Grains), เนื้อ (Meat), และอาหารกระป๋องสุนัข (By-product)
ปริมาณอาหารที่แนะนำของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ คือ 4-10 ถ้วยต่อวัน ควรแบ่งเป็น 2 มื้อ หรือมากกว่านี้ ดังนี้
- ในลูกสุนัข ควรให้กินอาหารหลายมื้อต่อวัน
- ในสุนัขโต ควรลดปริมาณอาหาร แต่ให้กินหลายมื้อมากกว่าเดิม
- ในสุนัขที่มีอายุมาก ควรให้ปริมาณอาหารมากต่อมือ แต่ลดมื้อที่สุนัขได้กินแทน
ซึ่งปริมาณอาหารสามารถปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกาย หรือการใช้พลังงานของสุนัข
โรคประจำพันธุ์
สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ จัดเป็นสุนัขที่สุขภาพแข็งแรง แต่อาจพบโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ ซึ่งโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
- โรคระบบหมุนเวียนโลหิตและหัวใจ
- โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Valve Stenosis)
- โรคระบบประสาท
- ภาวะกระดูกสันหลังส่วนคอทับไขสันหลัง (Caudal cervical spondylomyelopathy)
- โรคระบบทางเดินอาหาร
- ภาวะกระเพาะอาหารขยายและบิดตัว (Gastric Dilatation Volvulus (GDV))
- โรคระบบต่อมไร้ท่อ
- ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism)
- โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
- การอักเสบของกระดูก มักพบในกระดูกท่อนยาว Long bone (Panosteitis หรือ Growing pain)
- โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip dysplasia)
- โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow dysplasia)
- ภาวะผิวกระดูกอ่อนตายและแตกออกจากการขาดเลือดในชั้นใต้กระดูกอ่อน (Osteochondritis Dissecans (OCD))
- โรคเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด (Cranial cruciate ligament rupture)
- ข้ออักเสบ (Arthritis)
- โรคมะเร็ง
- โรคมะเร็งกระดูก (Osteosarcoma)
เรื่อง : ทรงภูมิ อานันทคุณ