การดูแลน้องแมวสุดที่รักของเราไปจนถึงวันหนึ่งที่เขากลายเป็น “แมวแก่” เป็นความปรารถนา และความสุขของทาสแมวทุกคน
เมื่อแมวก้าวสู่ช่วงอายุที่มากขึ้น ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่พวกเขาจะเกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมา การดูแล แมวแก่ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งหมายถึงการใช้เวลากับพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม และการพาไปพบสัตวแพทย์บ่อยขึ้น
อายุขัยโดยเฉลี่ยของแมวบ้านเกือบทุกสายพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 13 – 17 ปี และบางสายพันธุ์อาจมีอายุได้มากถึง 22 ปี ดังนั้น ช่วงเวลาที่แมวก้าวสู่ช่วงวัยแก่จึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันเกิดครอบรอบอายุ 10 ปีเวียนมาถึง
เมื่อน้องแมวเข้าสู่ช่วงวัยแก่ พวกเขาจะทำทุกอย่างในกิจวัตรประจำวันช้าลงกว่าเดิม และมีแนวโน้มที่แมวแก่ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ในฐานะเจ้าของ เราจึงต้องหากิจกรรมบางอย่างที่จำเป็นต่อการส่งเสริมสุขภาพให้กับแมว และตัวเจ้าของก็เป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการดูแลสวัสดิภาพของพวกเขา
จัดเวลาเล่นกับแมวเป็นประจำทุกวัน
สัตวแพทย์แนะนำว่า เมื่อแมวอายุมากขึ้น พวกเขามักจะไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย เจ้าของควรจัดเวลาเล่นกับพวกเขาบ่อยขึ้น แต่ใช้เวลาสั้น ๆ 5 – 7 นาที โดยการใช้ไม้ตกแมว หรือลูกบอลสอดไส้แคตนิป เป็นสิ่งกระตุ้นให้พวกเขาได้ลุกจากที่นอน
นอกจากนี้ การสำรวจหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่า แมวเด็กสามารถกระตุ้นควากระตือรือร้นของแมวแก่ได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรพิจารณาความพร้อมของคุณให้ถี่ถ้วนและรอบคอบ ก่อนนำลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้าน รวมไปถึงคุณต้องรู้จักนิสัยแมวตัวเดิมของคุณอย่างดีด้วย
ลองพิจารณาอาหารเสริมสูตรบำรุงกระดูกและข้อ
แมวแก่ส่วนใหญ่มักเกิดปัญหาสุขภาพตามมา โดยเฉพาะ โรคข้ออักเสบ ดังนั้น เจ้าของอาจลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการให้อาหาร หรืออาหารเสริม สูตรบำรุงกระดูกและข้อ เพื่อให้พวกเขายังรู้สึกสบายตัว และเคลื่อนไหวได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคข้ออักเสบในแมว ไม่จำเป็นต้องรอให้แมวอายุมากแล้วจึงมาดูแล แต่เจ้าของสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ช่วงแมวอายุน้อยได้ โดยการให้อาหารที่มีโภชนาการเหมาะสม และจัดกิจกรรมออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ๆ ซึ่งช่วยให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรง
พาน้องไปตรวจร่างกายตามนัดเป็นประจำ
เมื่อแมวมีอายุมากขึ้น สัตวแพทย์อาจจะนัดตรวจสุขภาพให้น้องแมวบ่อยขึ้น จากเดิมที่เคยนัด 1 ครั้งต่อปี อาจปรับเป็น 2 ครั้งต่อปี หรือทุก ๆ 6 เดือน เพราะแมวที่อายุมากแล้ว จะเกิดความเสื่อมของร่างกายเร็วกว่าช่วงวัยเด็ก การไปพบสัตวแพทย์จึงเป็นการติดตามสุขภาพของแมวได้อย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว
การนัดหมายเพื่อพบกับสัตวแพทย์ยังช่วยให้เราสามารถปรับโภชนาการของแมวได้ โดยปัจจุบันมีอาหารสูตรสำหรับแมวแก่โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมได้ และสัตวแพทย์จะเป็นผู้คำนวนปริมาณที่เหมาะสมจากการตรวจร่างกายของแมว
สังเกตสัญญาณความเจ็บปวด
โรคข้ออักเสบ และความเจ็บป่วยอื่น ๆ อาจทำให้แมวแก่เกิดความเจ็บปวด หรือรู้สึกไม่สบายตัวได้ สิ่งสำคัญที่เจ้าของควรทำในช่วงนี้คึอ การดูแลและสังเกตอาการของแมวทุกวัน โดยส่วนใหญ่แมวที่มีอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับข้อจะแสดงการเดินกะโผลกกะเผลกเล็กน้อย และไม่สามารถกระโดดขึ้นที่สูงได้เหมือนช่วงวัยเด็ก หรืออาจจะมีปัญหาในการกินอาหารจากชามที่วางอยู่บนพื้น
คำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับการจัดบ้านให้เหมาะกับแมวแก่
- จัดหาขาตั้งชามอาหารแมว และน้ำดื่ม ให้สูงขึ้นจากพื้น เพื่อให้แมวกินอาหาร และดื่มน้ำ ได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องก้มตัวลงไปที่พื้น
- หากแมวชอบปีนป่ายไปบนที่สูง ๆ หรือบนโซฟา ลองหาอุปกรณ์เสริม เช่น กล่อง หรือบันได วางไว้ให้พวกเขาได้ใช้เป็นทางเดิน
- พิจารณาเบาะรองนอนที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ หรือใช้ผ้าห่มหนา ๆ ไว้เป็นที่นอนสำหรับแมว จะช่วยทำให้แมวรู้สึกสบายตัวขึ้น
เมื่อแมวของเราอายุมากขึ้น พวกเขาย่อมต้องการการดูแลที่มากขึ้นเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของแมวได้มากเท่าไร เราก็จะช่วยวางแผนการดูแลให้แมวรู้สึกสบาย และมีสุขภาพดีเร็วขึ้นเท่านั้น
การให้เวลาดูแลแมวเพิ่มขึ้นในช่วงวัยที่เขาอายุมากขึ้น ก็ช่วยให้แมวรู้สึกมีความสุขขึ้นได้ ถือเป็นวิธีขอบคุณแมวของเราที่คอยอยู่เคียงข้างเรามาตลอด และเป็นการแสดงความรักต่อแมวได้อย่างดี
ข้อมูลอ้างอิง
petMD – 6 Tips for Caring for Senior Cats
Cat Friendly Homes – 10 Ways to Care for Your Senior Cat