ภาวะ ความดันโลหิตสูงในแมว (Feline hypertension) ภาวะความเสี่ยง ที่ป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยความเข้าใจ และความใส่ใจในสุขภาพของแมวตั้งแต่วัยเด็ก
ภาวะ ความดันโลหิตสูงในแมว (Hypertension) เป็นภาวะที่ค่าความดันโลหิตในหลอดเลือดแดงเพิ่มขึ้นสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง โดยพบได้บ่อยในแมวสูงอายุ
ในช่วงระยะแรก ภาวะความดันโลหิตสูงในแมวจะไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่เมื่อปล่อยให้เกิดความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ตาบอดเฉียบพลัน ไตวาย มีความผิดปกติในระบบประสาท และเป็นโรคหัวใจ เป็นต้น
นอกจากนี้ ภาวะความดันโลหิตสูงในแมวมักเป็นภาวะแทรกซ้อน หรือเกิดขึ้นภายหลัง (Secondary hypertension) โดยก่อนหน้านี้ แมวอาจจมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ได้แก่ โรคไตวายเรื้อรัง และโรคไฮเปอร์ไทรอยด์

รู้จักค่าความดันโลหิตของแมว
ค่าความดันโลหิตของแมว มีหน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท (mmHg) โดยค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure) คือ ค่าแรงดันภายในหลอดเลือดในขณะที่หัวใจกำลังสูบฉีดเลือดออกจากห้องล่างซ้าย ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแมวที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติ จะมีค่าอยู่ที่ 110 – 160 mmHg และถ้าค่าความดัน Systolic สูงมากกว่า > 180 mmHg จัดว่าอยู่ในระดับที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะเป้าหมาย (Target Organ Damage,TOD) เช่น ตา ไต หัวใจ และระบบประสาทได้
ภาวะ ความดันโลหิตสูงในแมว สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. Primary hypertension
ภาวะความดันโลหิตสูงในแมวที่เกิดขึ้นโดยไม่มีโรคอื่นเหนี่ยวนำ (Primary hypertension ) สามารถพบได้โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พบได้น้อย
2. Secondary hypertension
เป็นภาวะที่พบได้บ่อยกว่า โดยมีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease) โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) โรคของต่อมหมวกไต โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน เป็นต้น

อาการของแมวที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
ในแมวที่ภาวะความดันโลหิตสูงอาจไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงระยะแรก จนเริ่มมีการทำลายอวัยวะที่สำคัญ เช่นดวงตา ทำให้เกิดภาวะตาบอดเฉียบพลัน หรือมีอาการชัก
อาการที่ชัดเจนซึ่งอาจพบได้ เช่น ซึม อ่อนแรง มีอาการมึนงง เดินชนสิ่งของ อาจมองเห็นเลือดออกบริเวณในดวงตา เป็นต้น
เนื่องจากภาวะความดันโลหิตสูงมักมีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยโรคอื่น ๆ ที่เป็นต้นเหตุ แมวอาจจะแสดงอาการป่วยของโรคที่เป็นอยู่ร่วมด้วย เช่น โรคไตวายเรื้อรัง จะมีอาการน้ำหนักลดลง กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดปกติของโรคเหล่านี้ จึงต้องติดตามภาวะความดันโลหิตร่วมด้วย
แล้วเราจะสามารถมีวิธีตรวจได้อย่างไรว่า แมวมีความดันโลหิตสูง ?
การวินิจฉัยสามารถทำได้โดยการวัดความดันโลหิตในแมว สามารถใช้เครื่องวัดแบบ Doppler หรือ Oscillometric
วิธีการวัดด้วยเครื่อง Doppler ถือว่ามีความแม่นยำสูงกว่าในสัตว์ขนาดเล็ก สิ่งที่ต้องพิจารณาร่วมกับการวัดความดันในแมว คือ ควรวัดความดันในสภาพแวดล้อมเงียบสงบ เพื่อลดความเครียดของแมว
เพราะ ถ้าแมวมีความเครียด อาจทำให้ค่าความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้ โดยเฉพาะแมวที่มาโรงพยาบาล อาจมีความเครียดสูงกว่าตอนอยู่ที่บ้าน จึงอาจต้องมีการติดตามวัดในหลายครั้งเพื่อความแม่นยำ
ร่วมกับการวินิจฉัยประเมินอาการสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่อื่น ๆ เช่น การตรวจเลือด การตรวจร่างกาย และค่าการทำงานของไต และตรวจค่าฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นต้น

การรักษาภาวะความดันโลหิตสูงในแมว
เป้าหมายของการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง คือ การคุมระดับความดันให้อยู่ในช่วงปกติ และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำลายอวัยวะเป้าหมาย คือ ตา ไต หัวใจ และระบบประสาท ร่วมกับการรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุของภาวะความดันโลหิตสูงควบคู่กัน
ปัจจุบันการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงในแมวจะใช้การรักษาทางยา ที่ช่วยลดความดันโลหิต รูปแบบของยาที่ใช้เป็นหลักคือ ยาในรูปแบบชนิดกิน และต้องติดตามการดูแลอย่างใกล้ชิดกับสัตวแพทย์
ถ้าหากแมวไม่ได้รับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง สิ่งที่จะตามมาคือ การเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะที่สำคัญ ตาบอดเฉียบพลัน จอประสาทตาหลุดลอก มีภาวะเลือดออกในตา ไตเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วขึ้น และเกิดภาวะไตวาย
ในบางรายที่ร้ายแรงกว่านั้น อาจเกิดภาวะหัวใจโต (left ventricular hypertrophy) ภาวะหัวใจวาย และความผิดปกติกับระบบประสาท มีอาการชัก พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง และเดินเซ เป็นต้น
ภาวะความดันโลหิตสูงในแมวเป็นปัญหาทางสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในแมวสูงวัย หรือในแมวที่มีโรคเรื้อรังอยู่แล้ว ดังนั้น การตรวจพบความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ มีความสำคัญต่อการลดความเสียหายต่ออวัยวะต่าง ๆ ได้ ร่วมกับการรักษาโรคต้นเหตุ และการใช้ยาลดความดันที่เหมาะสม จะสามารถช่วยควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้แมวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
บทความโดย
สพ.ญ.ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์
สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมว PURRfect Cat Hospital
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – แมวเป็นโรคหัวใจ มีอาการ และการรักษาอย่างไร
