หลายคนอาจไม่ทราบว่า การตรวจปัสสาวะแมว ทำได้เหมือนในคน และถือเป็นหนึ่งในการตรวจสุขภาพพื้นฐานที่สำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นในแมวที่สุขภาพดีหรือแมวที่มีปัญหามีอาการป่วยต่าง ๆ การตรวจปัสสาวะแมว ช่วยให้สัตวแพทย์ประเมินสุขภาพในระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น การทำงานของไต ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบเมตาบอลิซึมได้อย่างละเอียดมากขึ้น รวมถึงระบบเลือดด้วย
วันนี้มาดูกันว่า ความสำคัญของการตรวจปัสสาวะในแมวสามารถช่วยประเมิณเรื่องสุขภาพ ได้อย่างไรบ้าง

1. การตรวจปัสสาวะแมว เพื่อประเมิณความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
โรคระบบทางเดินปัสสาวะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในแมว ทั้งสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะ การมีนิ่วในทางเดินปัสสาวะ การพบตะกอน หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น การตรวจปัสสาวะจะเป็นส่วนสำคัญในการวินิจฉัยตรวจแยกแยะเพื่อหาสาเหตุ
การตรวจเพาะเชื้อแบคทีเรียจากน้ำปัสสาวะ เพื่อตรวจว่า มีการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุหรือไม่ การตรวจดูลักษณะทางกายภาพและการวิเคราะห์ทางเคมี การตรวจพบเม็ดเลือดขาว (Leukocyturia) หรือแบคทีเรียในปัสสาวะปริมาณมาก อาจบ่งถึงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ (Urinary Tract Infection, UTI) การตรวจพบเม็ดเลือดแดง การพบตะกอนคริสตัล (Crystalluria) ในปริมาณมาก อาจบ่งบอกการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะได้
2. การประเมินการทำงานของไต (Renal Function)
การตรวจวัดค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำปัสสาวะ (Urine Specific Gravity ; USG) เพื่อดูความสามารถของไตในการทำให้น้ำปัสสาวะเข้มข้น ซึ่งบ่งชี้ว่า ไตสามารถทำได้อย่างปกติหรือไม่ ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ได้หรือไม่
หากมีค่าความถ่วงจำเพาะที่ต่ำ ปัสสาวะเจือจางจะบ่งถึงความผิดปกติของการทำงานของไต และการตรวจค่าชีวเคมีอื่น ๆ ในปัสสาวะ เช่น การตรวจค่าโปรตีน (Proteinuria) และครีเอตินิน (Creatinine) ในปัสสาวะช่วยวินิจฉัยภาวะโปรตีนรั่วในน้ำปัสสาวะในแมวที่มีโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease, CKD)
3. การตรวจปัสสาวะเพื่อวินิจฉัยโรคระบบเมตาบอลิซึม
ปัสสาวะมีน้ำตาลสูง (Glucosuria) ในแมวที่เป็นโรคเบาหวาน (Feline Diabetes Mellitus) การพบคีโตนในปัสสาวะจะพบในแมวที่มีภาวะเบาหวานเป็นพิษ (Diabetic ketoacidosis ; DKA) การพบบิลิรูบิน (bilirubin) ในน้ำปัสสาวะของแมวบ่งถึงความผิดปกติของการทำงานตับได้ ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ (pH) ผิดปกติ อาจสัมพันธ์กับภาวะนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือการทำงานของไต
4. การตรวจปัสสาวะแมว เพื่อประเมิณความผิดปกติของระบบเลือด
ยกตัวอย่างเช่น การมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกอย่างรุนแรง ปัสสาวะอาจมีสีแดง สีน้ำตาลคล้ายสีโค้ก จะตรวจพบ hemoglobin ในปัสสาวะ ซึ่งอาจบ่งถึงความผิดปกติของระบบเลือด โดยเฉพาะในแมวที่มีภาวะโลหิตจาง และมีการทำลายเม็ดเลือดแดงในระบบเลือด

วิธีการเก็บปัสสาวะ เพื่อทำการตรวจในแมว การเก็บปัสสาวะแมวนั้นสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
1. การรองปัสสาวะ (Voiding urine sample)
คือการรองเก็บปัสสาวะในขณะที่แมวกำลังนั่งปัสสาวะออกมา โดยใช้ภาชนะสะอาด หรือกระปุกเก็บปัสสาวะ ควรเก็บปัสสาวะในช่วงกลางของการปัสสาวะเพื่อลดการปนเปื้อน (midstream urine)
อีกวิธีการที่สามารถทำได้ คือ การเก็บดูดจากกระบะทรายแบบพิเศษ (Non-absorbent Litter / Free-catch) การรองเก็บปัสสาวะเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย และสามารถเก็บได้เองที่บ้าน การเก็บปัสสาวะด้วยวิธีนี้อาจจะพบมีการปนเปื้อนของน้ำปัสสาวะจากสิ่งแวดล้อมได้
2. การเจาะเก็บจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรง (Cystocentesis)
เป็นการใช้เข็มเจาะผ่านผิวหน้าท้องเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ โดยใช้เทคนิคการอัลตราซาวด์ในการช่วยนำทาง วิธีนี้จะทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น เป็นวิธีที่ได้ปัสสาวะที่สะอาดที่สุด ปราศจากการปนเปื้อนแบคทีเรียจากบริเวณผิวหนังภายนอกและสามารถใช้น้ำปัสสาวะที่เจาะเก็บด้วยวิธีนี้ เพื่อการวินิจฉัยต้องการความแม่นยำสูง เช่น การเพาะเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะ
3. การเก็บปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะ (Urine catheterization)
คือ การใส่อุปกรณ์ท่อสำหรับสวนผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปด้านในกระเพาะปัสสาวะและดูดเก็บน้ำปัสสาวะออกมา โดยวิธีนี้จะทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น
การเก็บปัสสาวะด้วยการสวนจะช่วยลดการปนเปื้อนในน้ำปัสสาวะสำหรับส่งตรวจได้มากกว่าการรองเก็บปัสสาวะ และต้องทำการสวนด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงการของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และการระคายเคืองจากอุปกรณ์ที่สวน
ตัวอย่างน้ำปัสสาวะที่เก็บได้ควรนำส่งตรวจภายในครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง หลังทำการเก็บตัวอย่าง โดยเก็บที่อุณหภูมิห้อง แต่หากไม่สามารถนำส่งตรวจได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว สามารถเก็บตัวอย่างน้ำปัสสาวะไว้ในตู้เย็นได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส และนำส่งตรวจภายใน 24 ชม

ความผิดปกติของปัสสาวะแมวที่เจ้าของสามารถสังเกตที่บ้านได้เบื้องต้น
- ปัสสาวะมีสีเหลืองปนเลือด ปัสสาวะเป็นสีแดง สีส้ม สีน้ำตาลหรือสีคล้ายโค้ก หรือปัสสาวะสีจางกว่าปกติ
- ปัสสาวะมีตะกอน
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น ฉุนมากกว่าปกติ
- แมวมีอาการปัสสาวะลำบาก หรือแสดงอาการเจ็บปวด ปัสสาวะเป็นกองหรือหยดเล็กๆ
- ปัสสาวะบ่อยหรือปริมาณมากผิดปกติ (Polyuria / Pollakiuria)
การตรวจปัสสาวะแมว เป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังสุขภาพแมว ทั้งในเรื่องไต ระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคเมตาบอลิซึมต่างๆ การตรวจปัสสาวะอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลและรักษาแมวได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้แมวมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวได้ค่ะ
บทความโดย
สพ.ญ.ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมว PURRfect Cat Hospital
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – โรคเบาจืดในแมว มีอาการอย่างไร และป้องกัน ได้อย่างไร
