กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย ธุรกิจสัตว์เลี้ยง และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังคนยกระดับสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนและคนในครอบครัว โดยธุรกิจนี้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้วิเคราะห์การเติบโตของธุรกิจในประเทศ พบว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยได้รับอิทธิพลจากการยกระดับสัตว์เลี้ยงให้เป็นสมาชิกที่มีความสำคัญในชีวิต เกิดเป็น Petfluencer สัตว์เลี้ยง ที่มีผู้ติดตามผ่านสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก มีการสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของอย่างเป็นกอบเป็นกำ
นอกจากนี้ ยังพบแนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว (Pet Humanization) และการเลี้ยงสัตว์แบบ Petriarchy หรือเจ้าของยอมจ่ายเงินเพื่อสัตว์เลี้ยงแบบไม่จำกัด
ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาจึงทำให้เกิดการลงทุนในสุขภาพ และความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยง เหมือนคนจริงๆ และการซื้อของเล่น ของใช้ อาหารแบบพรีเมียม เพื่อตามใจสัตว์เลี้ยงที่เรารัก
ปัจจุบันยังเกิดเทรนด์ใหม่ คือสัตว์เลี้ยงทางเลือก หรือ Exotic Pet เช่น งู กิ้งก่า เต่า และชูการ์ไรเดอร์ เป็นต้น โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ของสัตว์เลี้ยง Exotic Pet เติบโตสูงกว่าร้อยละ 50 ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวเติบโตร้อยละ 8 และยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขเติบโตร้อยละ 6
โดยจากการวิเคราะห์คนแต่ละ Gen ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง พบว่า Gen Z นิยมเลี้ยงสุนัขมากที่สุด Gen Y ต้องการเสริมพลังบวกจากแมว Gen X นิยมเลี้ยงนกและปลา ขณะที่ Baby Boomer นิยมเลี้ยงสัตว์น้อยที่สุด
สำหรับการจัดตั้งธุรกิจสัตว์เลี้ยง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567) พบว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่องมีจำนวนทั้งสิ้น 5,009 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 98,797.54 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจฟาร์มสัตว์ 1,233 ราย ทุน 11,965.51 ล้านบาท
ธุรกิจอาหาร ของเล่นสำหรับสัตว์ 2,138 ราย ทุน 80,443.67 ล้านบาท และธุรกิจบริการและดูแลสัตว์ 1,638 รายทุน 6,388.36 ล้านบาท
โดยการลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนชาวไทย 93,464.62 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94.60 และนักลงทุนชาวต่างชาติ 5,332.92 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 5.40 โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 1,646.90 ล้านบาท ออสเตรเลีย 870.87 ล้านบาท และ ญี่ปุ่น 728.11 ล้านบาท
ผลกำไรของธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนผลประกอบการภาพของตลาดสัตว์เลี้ยง รวม 3 ปีย้อนหลัง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย
ปี 2564 มีรายได้รวม 218,714.93 ล้านบาท กำไร 2,963.03 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 244,530.23 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 25,815.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.81) กำไร 13,656.17 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10,693.14 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 360.89) ปี 2566 รายได้รวม 258,702.91 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น14,172.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.80) กำไร 14,989.64 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,333.47 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.77)
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่อง เป็นธุรกิจมาแรงที่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการดำรงชีวิตที่นิยมเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นสมาชิกของครอบครัว รวมทั้งการดูแลที่ใส่ใจต่อสัตว์เหล่านั้นมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจมีรายได้รวมและผลกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพราะมีโอกาสในการทำกำไรได้ในระยะยาว
ขณะที่ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าเทรนด์ Pet Parent จะผลักดันการเปิดตลาดสินค้าชนิดใหม่ในการส่งออก ยกระดับคุณภาพสินค้าสัตว์เลี้ยงของไทย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/86079
https://www.prachachat.net/economy/news-1611489
https://www.thaipbs.or.th/news/content/342178
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – Airport Rail Link เปิดให้น้อง ๆ สัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางกับเจ้าของได้แล้ว