อาหารสัตว์เลี้ยง แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร 

ประเภทของ อาหารสัตว์เลี้ยง ในประเทศไทยมีหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครวมถึงให้สัตว์เลี้ยงมีมีความต้องการอาหารที่หลากหลาย

ตามหลักการโภชนาการสามารถจำแนก ประเภทของ อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสามรูปแบบ ประกอบด้วย 

  • อาหารเปียก (Wet food) 
  • อาหารแห้ง (Dry food) 
  • อาหารกึ่งแห้งกึ่งเปียก (Semi-moist food) 
อาหารสัตว์เลี้ยง, โรยัลคานิน, อาหารสุนัข, อาหารแมว

ตามหลักโภชนาการ สัตวแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสัตว์ ไม่สามารถกำหนดได้ว่า อาหารประเภทใดดีที่สุด เพราะอาหารสัตว์แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรศึกษาข้อดีและข้อควรระวังของอาหารประเภทต่าง ๆ เพื่อการเลือกใช้อาหารสัตว์ได้เหมาะสมมากที่สุด 

รายละเอียดของอาหารสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท

1. อาหารเปียก มีความชื้นมากกว่าร้อยละ 60 โดยปกติแล้วจะมีค่าอยู่ระหว่างร้อยละ 70 ถึง 80 

อาหารเปียกถือว่าเป็นอาหารที่มีความน่ากินมากที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ดังนั้น เมื่อสัตว์เลี้ยงอยู่ในภาวะเจ็บป่วย เบื่ออาหาร กินอาหารยาก หรือต้องป้อนอาหารผ่านสายยาง สัตวแพทย์มักจะเลือกใช้ และแนะนำเจ้าของ ให้อาหารเปียกแก่สัตว์เลี้ยง

ข้อดีของอาหารรูปแบบเปียกคือ การส่งเสริมให้สัตว์กินน้ำได้มากขึ้น ถ้าเทียบกันระหว่างน้ำสะอาดกับอาหารเปียก สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะเลือกกินอาหารเปียก ดังนั้น ในกรณีที่ต้องการให้สัตว์เลี้ยงกินน้ำเพิ่มขึ้นเช่น กรณีเป็นโรคไต โรคนิ่ว หรือป้องกันการเกิดนิ่ว เป็นต้น การให้กินอาหารเปียกจะส่งเสริมให้สัตว์เลี้ยงได้รับอาหารเพิ่มขึ้น 

อาหารสัตว์เลี้ยง, โรยัลคานิน, อาหารสุนัข, อาหารแมว

ข้อควรระวังเมื่อให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารเปียกคือ ถ้าสัตว์เลี้ยงกินอาหารไม่หมดภายใน 30 นาที แนะนำให้ทิ้งอาหารที่เหลือ และล้างภาชนะให้สะอาดทันที เพราะอาหารที่มีความชื้นสูงร่วมกับอากาศร้อนของเมืองไทย ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง

เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์อาหารเปียกแล้ว ควรใช้ให้หมดภายในครั้งเดียว หรือถ้าต้องการเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป ต้องปิดอาหารให้มิดชิด และเก็บไว้ในตู้เย็นช่องปกติเท่านั้น และพยายามใช้ให้หมดภายใน 48 ชั่วโมง 

อาหารสัตว์เลี้ยง, โรยัลคานิน, อาหารสุนัข, อาหารแมว

เมื่อนำอาหารเปียกออกมาจากตู้เย็น ไม่ควรนำไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ เนื่องจากความร้อนจากรังสีไมโครเวฟจะทำลายวิตามินในอาหาร ส่งผลให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการได้ การอุ่นอาหารเปียกอย่างเหมาะสมคือ ใช้น้ำอุ่นผสมกับอาหารเปียกที่นำออกจากตู้เย็นจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสม แล้วจึงนำไปให้สัตว์เลี้ยงต่อไป

2. อาหารแห้ง หรืออาหารเม็ด มีความชื้นอยู่ระหว่างร้อยละ 3 ถึง 11

อาหารแห้ง หรืออาหารเม็ด มีความชื้นต่ำ ส่งผลให้สามารถเก็บรักษาในพื้นที่แห้งได้เป็นระยะเวลานานเมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว เนื่องจาก เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเจริญเติบโตได้ไม่ค่อยดีในสภาพความชื้นต่ำ อย่างไรก็ตาม เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรเก็บอาหารแห้งให้เหมาะสม และสังเกตวันหมดอายุ รวมไปถึงสภาพของอาหารร่วมด้วย 

อาหารแห้งมีส่วนผสมของเนื้ออาหารในปริมาณมากเมื่อเทียบกับอาหารเปียก สัตว์เลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารในปริมาณมาก เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารตามความต้องการต่อวัน

อาหารสัตว์เลี้ยง, โรยัลคานิน, อาหารสุนัข, อาหารแมว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบกับอาหารเปียก อาหารแห้งจะมีความน่ากินน้อยกว่า ในทางกลับกัน เจ้าของสามารถวางอาหารแห้งให้สัตว์เลี้ยงได้นานถึง 24 ชั่วโมง ทำให้ง่ายต่อการจัดการมากกว่าอาหารเปียก 

นอกจากนี้ ในขณะที่สัตว์เลี้ยงเคี้ยวอาหารแห้งจะเกิดการขบกันระหว่างเม็ดอาหารกับฟัน ทำให้โอกาสการเกิดหินปูนหรือคราบหินปูนน้อยกว่าการกินอาหารเปียก คำแนะนำจากนักโภชนาการอาหารสัตว์ไม่แนะนำให้นำอาหารแห้งมาผสมน้ำเพื่อให้ทานง่ายขึ้น เพราะความน่ากินจะลดต่ำลงมากถ้าต้องการให้ทานง่ายขึ้นแนะนำให้เลือกใช้เป็นอาหารเปียกแทน

3. อาหารกึ่งแห้งกึ่งเปียก เป็นอาหารที่มีความชื้นอยู่ระหว่างร้อยละ 25 ถึง 35

อาหารประเภทนี้ย่อมมีความน่ากินมากกว่าอาหารแห้ง แต่น้อยกว่าอาหารเปียก และด้วยปัจจัยเรื่องความชื้นของอาหาร ทำให้อาหารประเภทนี้ไม่สามารถเททิ้งไว้ในชามอาหารได้นาน โดยให้อาหารดังกล่าวในลักษณะเดียวกับอาหารเปียก คือทิ้งอาหารทันทีหากสัตว์เลี้ยงกินไม่หมดภายใน 30 นาที และควรใช้ให้หมดหลังเปิดบรรจุภัณฑ์ภายใน 48 ชั่วโมง โดยในประเทศไทยเริ่มมีอาหารประเภทนี้วางจำหน่ายแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถสังเกตได้จากปริมาณความชื้นที่ระบุไว้ข้างถุงอาหารสัตว์ตามที่ได้แนะนำในข้างต้น

จากข้อมูลในข้างต้น เราจะเห็นถึงความแตกต่างของอาหารสัตว์แต่ละประเภท ดังนั้น เจ้าของควรเลือกใช้ประเภทของอาหารสัตว์ให้ตรงกับจุดประสงค์ พร้อมกับคำนึงถึงการใช้อาหารแต่ละประเภทอย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดี และป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

นอกจากการเลือกอาหารให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงแล้ว เจ้าของควรคำนึงถึงผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่มีความน่าเชื่อถือด้วย อย่างโรยัล คานิน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะได้รับอาหารที่มีประโยชน์ และมีคุณภาพอย่างแท้จริง 

โรยัล คานิน อาหารสัตว์เลี้ยงที่กำเนิดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1968 โดยเชื่อว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง จึงได้พัฒนาและคิดค้นสูตรอาหารสัตว์เลี้ยงทุกประเภทด้วยความเข้าใจลึกซึ้งมาจนถึงปัจจุบัน 

ทีมสัตวแพทย์ และนักวิจัยของโรยัล คานิน ได้ใส่ใจคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสัตว์เลี้ยงทุกสูตร ผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยคำนึงถึงปริมาณสารอาหารและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่วัตถุดิบนั้นมอบให้กับสัตว์เลี้ยง

ความโดดเด่นของอาหารสัตว์เลี้ยง โรยัล คานิน คือโภชนาการแบบเฉพาะเจาะจงที่ครอบคลุมความต้องการของสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาหารทุกสูตร ทุกประเภท ผ่านการคิดค้นวิจัยอย่างรอบด้านโดยสัตวแพทย์ และทีมนักวิทยาศาสตร์ของโรยัล คานิน จนกลายเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงที่สัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้กับเจ้าของเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง

ปัจจุบัน โรยัล คานิน ได้ผลิตอาหารสุนัข และแมว ออกมาอย่างหลากหลายทั้งอาหารเปียก และอาหารเม็ด ด้วยนวัตกรรมที่ทำให้อาหารสามารถตอบสนองความต้องการด้านต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยงได้ เช่น อาหารเฉพาะสายพันธุ์ อาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยง และอาหารประกอบการรักษาโรค เป็นต้น 

สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ Royal Canin ได้ตามร้าน pet shop ทั่วไปและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

website : www.royalcanin.com/th

facebook : @RoyalCaninThailand

Application : Royal Canin Club (https://bit.ly/AppRoyalCaninClub)

line : Royal Canin Thailand

Tel : 02 026 2456


เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – เพราะอะไร ความต้องการทางโภชนาการของสัตว์เลี้ยง จึงเปลี่ยนแปลงตามอายุ