สีขนของแมว จะขึ้นอยู่กับโครโมโซมเพศ (X) โดยตัวผู้จะมีลักษณะโครโมโซมเพศคือ XY ตัวเมียจะมีลักษณะโครโมโซมเพศคือ XX ดังนั้นตัวผู้จึงเกิดมาพร้อมสีเพียง 1 สี (ถ้าไม่ได้เป็นโครโมโซมผิดปกติคือ XXY ที่ทำให้เกิดสามสีและภาวะเป็นหมันในเพศผู้) ส่วนตัวเมียจะมีสี 2 สี ซึ่งทั้งคู่ไม่นับรวมสีขาวที่เป็นสีพื้น
วันนี้ บ้านและสวน Pets ได้รวบรวม 7 ลักษณะรูปแบบลวดลาย และ สีขนของแมว แบบที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมาฝากกันค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า ยีนส์ของแมวที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และ ยีนส์ควบคุมที่มากกว่า 10 ตัว ยังสามารถทำให้เกิดความซับซ้อน และเกิดการผสมกันของสี, ลวดลาย, ความยาว และความหนาได้อีกมากมายเลยทีเดียว
1.สีล้วน (Solid / Self)
สีขนของแมวสีล้วน หรือสีโดด จะต้องมีสีเดียวกันตลอดทั้งตัวตั้งแต่หัวจนถึงโคนหาง และควรจะมีสีที่สม่ำเสมอกันตลอดทั้งเส้น ไม่มีตำหนิ หรือการไล่เฉด ซึ่งสีหลัก ๆ ที่พบได้แก่ White (ขาว), Black (ดำ), Blue (เทาเข้ม), Red/Orange (แดง/ส้ม), Cream (ครีม), chocolate (น้ำตาลช็อกโกแลต) และ lilac ขนสีลาเวนเดอร์(น้ำตาลกึ่งเทา)
2.ไล่เฉดสี (Shaded / Smoke)
ลักษณะสีขนจะเป็นการไล่เฉด บริเวณก้านขนจะมีสีพื้นที่เป็นขนสีอ่อน ส่วนปลายเส้นขนจะมีลักษณะที่เป็นสีเข้ม โดยถ้าหากมีสัดส่วนของขนสีเข้มที่บริเวณปลายประมาณ 1/4 ส่วน จะเป็นสีขนแบบ Shaded แต่ถ้าหากส่วนที่เป็นสีเข้ม มีสัดส่วนประมาณ 1/2 ส่วน หรือไล่ลงไปใกล้บริเวณโคนขนมาก จะเรียกว่า Smoke ซึ่งเมื่อน้องแมวขยับตัวไปมาจะแสดงให้เห็นส่วนที่เป็นสีอ่อนภายใน ทำให้เส้นขนดูพริ้วเป็นประกาย
3.สองสี (Bicolor)
แมวสองสีเป็นแมวที่มีขนสีขาวปนอยู่กับสีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สีในประเภท Solid, Smoke, Tabby หรือแม้แต่สีขาว จึงมีการเรียกด้วยสีแท้จริง + “and White” ซึ่งลวดลายของสีที่เกิดขึ้นนี้ จะมีลักษณะคล้ายลายของวัว ทำให้มีชื่อเรียกเล่น ๆ อย่างน่ารักว่า “cow cat” และสามารถแบ่งระดับตามปริมาณสีขาวได้เป็น 10 ระดับ รวมถึงยังมีชื่อเรียกเฉพาะของแต่ละลาย เช่น
– Van ลักษณะขนที่มีสีขาวกระจายเป็นส่วนใหญ่ทั่วตัว ยกเว้นบริเวณหาง และหัวตอนบน (ช่วงหู) ที่จะเป็นสีอื่น ๆ รวมถึงอาจจะมีจุดสีเล็ก ๆ ที่ลำตัวอีกประมาณ 1 – 2 จุด เท่านั้น
– Tuxedo เป็นลายที่พบได้มาก โดยจะมีลักษณะขนสีขาว กระจายในส่วนท้อง, หน้าอก, อุ้งเท้า คล้ายกำลังใส่ชุดทักซิโด้
4.สีเปรอะ (Tortoiseshell / Tortie)
แมวสีเปรอะ หรือสีแบบกระดองเต่า โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการผสมกันระหว่างพ่อ-แม่ ‘สีส้ม’ กับ ‘สีดำ‘ แต่ด้วยลักษณะของโครโมโซมเพศ ทำให้ลูกแมวเพศผู้ที่เกิดขึ้นมานั้นมีแค่สีส้มหรือไม่ส้ม(สีส้มคือยีนส์เด่น) ส่วนแมวเพศเมียอาจมีได้ทั้งสีส้ม, ไม่ส้ม หรือผสมกันจนกลายเป็นสีเปรอะ นอกจากนี้ลักษณะสีขนมักเป็นสีดำสลับกับแดง/ส้มเสมอกันทั้งตัว ไม่แดงหรือดำมากจนเกินไป
5.สามสี (Tricolor / Calico)
แมวสามสีเป็นแมวมงคล หรือ มาเนะคิเนโคะ (maneki-neko) ในประเทศญี่ปุ่น เด่นในเรื่องโชคลาภ การเงิน ความร่ำรวย และความโชคดี ทำให้แมวสามสีมีฉายาว่า “Money cats” ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงนิยมตั้งเป็นรูปปั้นไว้ที่หน้าร้านค้า หรือทางเข้าบ้าน ซึ่งแมวสามสีที่ดีจะต้องมีขนสามสี คือ ขาว + ดำ + ส้ม เป็นหลัก แต่อาจมีเฉดสีที่เข้มและอ่อนแตกต่างกันได้ อย่าง เฉดสีส้ม อาจพบได้ตั้งแต่ สีครีม ส้มอ่อน ส้ม น้ำตาลอ่อน ไปจนถึงสีน้ำตาลแดง นอกจากนี้ลักษณะของลวดลายจะต้องมีขนสีขาวเป็นบริเวณกว้าง และเห็นได้อย่างชัดเจนประมาณ 25-75% ของลำตัว แต่ถ้าสีเหล่านี้ปะปนกันจะเรียกว่าเป็นสีเปรอะ หรือสีแบบกระดองเต่า (Tortoiseshell / Tortie)
6.ลายสลิด / ลายเสือ (Tabby / Tiger)
ลายนี้ถือเป็นลายเก่าแก่ในสัตว์ตระกูลแมว (Cat Family) ลวดลายทั่วลำตัวโดยมากมักจะเป็นลายสีดำบนขนสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาล เทา โทนแดง ส้ม เหลือง คาราเมล หรือครีม มักมีเครื่องหมายรูปตัว ‘M’ บนหน้าผาก นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งเป็นลวดลายต่าง ๆ ได้ เช่น
– ลายเสือ หรือก้างปลา (Mackerel / Striped Tabby) เป็นลวดลายที่สามารถพบเจอได้มาก เมื่อมองจากมุมด้านบนลงมาบนหลังแมว จะเห็นลายของขนแมวคล้ายกับกางปลาได้อย่างชัดเจน
– ลายหินอ่อน (Classic / Blotched tabby) ลักษณะจะเป็นลายหมุนวนๆ สลับกันระหว่างสีอ่อนกับสีเข้ม คล้ายหินอ่อน (Marbled tabby)
– ลายเสือดาว (Spotted) เป็นแมวที่มีลายแบบก้างปลา แต่ขาดเป็นห้วงๆ ทำให้ดูเป็นจุดคล้ายลายของเสือดาว
-ลายเฉพาะใบหน้า (Ticked) เป็นลวดลายที่เห็นได้เด่นชัดเฉพาะบนหัว แต่บริเวณลำตัวจะเป็นลายที่ละเอียดมากจนเหมือนเมล็ดทราย บางครั้งจึงเรียกว่า Sandy หรือ Salt and Pepper และส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นแมวขนสั้น
7.ลายแต้ม (Pointed)
มีต้นกำเนิดมาจากแมวพันธุ์วิเชียรมาศของไทย โดยการกลายพันธุ์ของยีนส์สีเผือก (albinism) ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ยังคงเหลือจุดแต้มสีบนร่างกายแทนที่จะเป็นสีขาวล้วน ซึ่งจุดแต้มที่มีสีเข้มนี้ อาจเป็นสีดำ, สีน้ำตาล (seal color), สีส้ม (flame) สีเทา (blue) หรือสีดอกบัว (lilac) นอกจากนี้ยังสามารถแบ่ง colorpoint pattern ตามความเข้มของแต้มสี ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
– Pointed pattern มีความแตกต่างระหว่างจุดสีเข้มและสีจางมาก (high contrast)
– Mink pattern มีความแตกต่างระหว่างจุดสีเข้มและสีจางปานกลาง (intermediate contrast)
– Sepia pattern มีความแตกต่างระหว่างจุดสีเข้มและสีจางน้อย (low contrast)