นักวิจัย พบว่า เด็ก ๆ ที่เติบโตมากับ การเลี้ยงสุนัข มีผลคะแนนต่ำในด้านปัญหาทางสังคม พฤติกรรมก้าวร้าว และการกระทำผิดทางอาญา
ผลการวิจัยชี้ว่า เด็ก ๆ ที่เติบโตมากับ การเลี้ยงสุนัข ภายในบ้าน มีแนวโน้มที่สุขภาพจิตจะได้รับการเสริมสร้างไปในเชิงบวก โดยทีมนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดจากกระบวนแลกเปลี่ยนจุลินทรีย์ระหว่างสุนัขและเจ้าของ
ศาสตราจารย์ทาเคฟูมิ คิคูซุย มหาวิทยาลัยอาซาบุ ประเทศญี่ปุ่น หน้าคณะวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า เมื่อเจ้าของมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัข ความเครียดจะลดลง และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการกระตุ้นการหลังฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน
แต่ในการวิจัยครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า อาจมีเหตุผลอื่น ๆ ที่สุนัขอาจส่งผลดีต่อสุขภาพจิตได้
“ที่ผ่านมา มีงานวิจัยหลายฉบับที่รายงานว่า การเลี้ยงสุนัขส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิต และการวิจัยของเราในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า จุลินทรีย์ขนาดเล็กจิ๋วในร่างกายของสุนัข และมนุษย์ อาจเป็นส่วนหนึ่งในกลไกนี้” คิคูซุยกล่าว
คิคูซุยและทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจกลุ่มวัยรุ่นในโตเกียว ที่เข้าร่วมการศึกษาในครั้งนี้ จำนวน 343 คน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นวัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัข จำนวน 93 คน

เมื่อเปรียบเทียบเด็กวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เลี้ยงสุนัข และกลุ่มที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัข พวกเขาพบว่า เด็กวัยรุ่นที่เริ่มเลี้ยงสุนัขตั้งอายุ 13 ปี เมื่อเติบโตขึ้นเข้าสู่อายุ 14 ปี เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้มีคะแนนต่ำกว่าในด้านพฤติกรรมเชิงลบ ประกอบด้วย ปัญหาทางสังคม การปลีกตัวจากสังคม ปัญหาด้านความคิด พฤติกรรมก้าวร้าว และพฤติกรรมอันธพาล
ในขณะเดียวกัน ทีมนักวิจัยได้วิเคราะห์จุลินทรีย์ในน้ำลายของวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เลี้ยงและไม่เลี้ยงสุนัข พบว่า ชนิดของจุลินทรีย์ในวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม มีความคล้ายคลึงกัน แต่ นักวิจัยกลับพบว่า จุลินทรีย์ชนิด Streptococcus และ Prevotella พบได้ปริมาณน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญในเด็กวัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัข เมื่อเทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัข
เพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดและบทบาทของจุลินทรีย์ ทีมนักวิจัยได้ถ่ายจุลินทรีย์จากวัยรุ่นที่เข้าร่วมการศึกษา ให้กับหนูที่ปลอดเชื้อในห้องปฏิบัติการ และพบว่า จุลินทรีย์จากลุ่มวัยรุ่นที่เลี้ยงสุนัข ส่งผลให้หนูแสดงพฤติกรรมสำรวจหนูตัวอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นเคยมากขึ้น และพยายามเข้าใกล้หนูที่อยู่วร่วมกรงเดียวกันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“พฤติกรรมที่พบในหนูเหล่านี้ เรียกว่า ความห่วงใยล่วงหน้า (preconcern) หรือความห่วงใยเชิงเห็นอกเห็นใจ (empathetic concern) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองเชิงเห็นอกเห็นใจชนิดหนึ่งในมนุษย์และสัตว์” คิคูซุยกล่าว
ทีมวิจัยกล่าวเสริมว่า ปริมาณของแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ของหนู มีความความสัมพันธ์กับความแตกต่างในพฤติกรรมทางสังคมของหนู และแบคทีเรียบางวสายพันธุ์ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของวัยรุ่นอีกด้วย
“แม้ว่า ในทางปฏิบัติ เราไม่สามารถเทียบพฤติกรรมของมนุษย์กับหนูได้โดยตรง แต่ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า จุลินทรีย์ในลำไส้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมของวัยรุ่นหลังจากอาศัยอยู่ร่วมกับสุนัข” ทีมวิจัยระบุในรายงาน

อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยยังได้วิเคราะห์ว่า แหล่งกำเนิดของจุลินทรีย์ที่ตรวจพบในสุนัขและมนุษย์มาจากแหล่งใด “เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ความแตกต่างเหล่านี้ [ในจุลินทรีย์ระหว่างสุนัขและเจ้าของ] มาจากตัวสุนัขเอง หรือเกิดจากพฤติกรรมเชิงบวกที่เจ้าของได้ดูแลสุนัข แล้วส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในร่างกาย”
โดยสรุปแล้วรายงานนี้ เป็นเพียงการรายงานว่า เด็กวัยรุุ่นที่เลียงสุนัขมีจุลินทรีย์ในน้ำลายแตกต่างจากวัยรุึ่นที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัข นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ยังไม่ได้รายงานว่า จุลินทรีย์เหล่านั้นอาจส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างไร
คิคุซุยกล่าวเสริมว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจำเป็นต้องมีสุนัขเป็นสมาชิกในบ้าน “แม้ว่าจะไม่ได้เลี้ยงสุนัข การรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกายก็อาจช่วยเรื่องสุขภาพจิตได้” เขากล่าว
ที่จริงแล้ว สำหรับบางคน การเลี้ยงสุนัขอาจเป็นประสบการณ์ในแง่ลบก็ได้ “อย่างเช่นที่ปรากฎในหน้าข่าวหลายครั้ง สุนัขที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม อาจสร้างความเครียดให้กับเจ้าของได้” คิคุซุยกล่าวเสริม
รายงานต้นฉบับ
https://www.cell.com/iscience/fulltext/S2589-0042(25)02209-6
บทความโดย
ณภัทรดนัย
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – การกอดแมว และสัมผัสอย่างอ่อนโยน ช่วยสร้างพันธะทางความรู้สึกได้
