โรคอ้วนสัตว์เลี้ยง เป็นหนึ่งในปัญหาด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต และสวัสดิภาพ ของสัตว์เลี้ยง
ภาวะน้ำหนักตัวเกินและ โรคอ้วนสัตว์เลี้ยง คือสภาวะที่ร่างกายของสัตว์เลี้ยงมีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน เนื่องจากไขมันสะสมใต้ผิวหนังมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีภาวะน้ำหนักเกิน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคกระดูกและข้อ โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคอื่น ๆ ตามมา เป็นผลทำให้สัตว์เลี้ยงมีอายุขัยลดลง
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดโครงการวันโรคอ้วนสัตว์เลี้ยง (Pet Obesity Day) เนื่องจาก เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง และต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง เกี่ยวกับการป้องกันภาวะโรคอ้วนสัตว์เลี้ยง เพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาฯ ได้กล่าวถึงความสำคัญของปัญหาโรคอ้วนในสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์ในระยะยาว โดยโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคข้อเสื่อม และโรคเบาหวาน ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาให้กับเจ้าของอีกด้วย
โครงการวันโรคอ้วนสัตว์เลี้ยง จัดขึ้นโดยโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ภายในงาน มีการบรรยายให้ความรู้จากคณาจารย์ และสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในหัวข้อเกี่ยวกับการดูแล และจัดการภาวะอ้วนในสัตว์เลี้ยง โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน การควบคุมอาหารที่เหมาะสม และแนวทางการออกกำลังกายสำหรับสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ คุณปุ๊ – อัญชลี จงคดีกิจ และเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีประสบการณ์ตรงในการลดน้ำหนักให้สัตว์เลี้ยง ได้มาร่วมแบ่งปันแนวทางปฏิบัติ และแรงบันดาลใจ ในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้สมบูรณ์แข็งแรง
โรคอ้วนสัตว์เลี้ยง ป้องกันได้
โรคอ้วนในสัตว์เลี้ยงเกิดจาก ความไม่สมดุลระหว่างพลังงานที่ได้รับ กับพลังงานที่ใช้ ซึ่งประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม อายุ การทำหมัน การใช้พลังงานในแต่ละวัน รวมถึงปริมาณพลังงานในอาหาร ที่ได้รับในแต่ละวัน ดังนั้น ถ้าพบว่าสัตว์เลี้ยงมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ เพื่อวินิจฉันหาสาเหตุที่ชัดเจน
การดูแลสัตว์เลี้ยงที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ประกอบด้วยปัจจัยหลัก 3 อย่าง คือ
1. เจ้าของ
เจ้าของคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเจ้าของเป็นผู้มอบอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงของตนเอง ดังนั้น ความร่วมมือ และความเข้าใจของเจ้าของ จึงเป็นพื้นฐานสำหรับแนวทางการปฏิบัติในขั้นต่อไป
เมื่อพบกว่าสัตว์เลี้ยงมีภาวะน้ำหนักเกิน เจ้าของต้องจัดการการดูแลในชีวิตประจำของสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เช่น การดูแลเรื่องโภชนาการ การปรับพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง การพาสัตว์เลี้ยงไปออกกำลังกาย หรืออาจจำเป้นต้องรักษาทางยาร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของสัตวแพทย์

2. สัตวแพทย์
สัตวแพทย์เป็นผู้ที่คอยให้คำแนะนำแก่เจ้าของ เมื่อประเมินแล้วว่า สุขภาพของสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างไร สัตวแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษาร่วมกับเจ้าของ โดยการแนะนำเรื่องโภชนาการ โปรแกรมการออกกำลังสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือนัดหมายติดตามอาการ หากพบว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น ระหว่างการรักษาภาวะน้ำหนักเกิน
3. สัตว์เลี้ยง
ถ้าสัตว์เลี้ยงให้ความร่วมมือกับเจ้าของ และสัตวแพทย์ ก็มีแนวโน้มว่า การควบคุมน้ำหนัก หรือการลดน้ำหนักของสัตว์เลี้ยง จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงไม่ยอมให้ความร่วมมือ การรักษาก็อาจจะใช้เวลานานขึ้น หรือเจ้าของอาจจะต้องให้การดูแลมากขึ้น
แนวทางในการควบคุมน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยง
1. การจัดการอาหาร
เน้นอาหารที่มีกากใยสูง ทำให้สัตว์เลี้ยงอิ่มได้นาน ลดความอยากกินอาหาร แต่ต้องได้รับพลังงานพื้นฐานที่เพียงพอในแต่ละวัน แนะนำเป็นอาหารสุนัขสำหรับลดน้ำหนักโดยตรง และเจ้าของควรให้สัตว์เลี้ยงได้รับอาหารในปริมาณที่สัตวแพทย์แนะนำ
2. การจัดการพฤติกรรม
งดให้ขนมสัตว์เลี้ยงแก่สัตว์เลี้ยงในช่วงที่กำลังควบคุมน้ำหนัก โดยเปลี่ยนเป็นการสัมผัส หรือลูบตัว เป็นการให้รางวัลแทนการใช้ขนม เพื่อให้สุนัขหยุดพฤติกรรมขออาหาร อย่างไรก็ตาม เจ้าของอาจจะต้องไปพบสัตว์แพทย์ด้านพฤติกรรม เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง
3. การออกกำลังกาย
เจ้าของสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรม ได้หลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมของสัตว์เลี้ยง และคำแนะนำของสัตวแพทย์ เช่น พาไปเดินเล่นในสวน เล่นโยนและเก็บลูกบอล การว่ายน้ำ การเดินบนลู่วิ่งบก การเดินบนลู่วิ่งน้ำ และการเดินในพื้นทราย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถลดน้ำหนักของสัตว์เลี้ยงได้ เจ้าของจำเป็นต้องจัดการเรื่องอาหารควบคู่ไปด้วย เจ้าของควรหลีกเลี่ยงให้สัตว์เลี้ยงออกกำลังกายอย่างหักโหม เนื่องจากสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีความอดทนต่อการออกกำลังกายไม่เท่ากัน

โดยรวมแล้ว เรื่องสุขภาพของสัตว์เลี้ยงย่อมแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสัตว์เลี้ยงตัวนั้น ๆ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสายพันธุ์ อายุ โรคประจำตัว และการเลี้ยงดูจากเจ้าของ หากพบว่า สัตว์เลี้ยงเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น และมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม เจ้าของควรปรึกษาสัตวแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนอาการจะรุนแรงขึ้น
แม้ว่า เป็นสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์เดียวกัน แต่การดูแลอาจแตกต่างกันก็ได้ เจ้าของจึงควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ เพื่อติดตามความสมบูรณ์แข็งแรงของสัตว์เลี้ยง และจะได้รับคำแนะนำการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้อง
ข้อมูลอ้างอิง
Chula – คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จัดโครงการวันโรคอ้วนสัตว์เลี้ยง “Pet Obesity Day”
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – แมวอ้วน ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิด กับปัญหาสุขภาพที่ตามมา
