หลายคนอาจไม่ทราบว่า แมวบริจาคเลือด ได้เช่นเดียวกับในคน
การบริจาคเลือดในแมว มีจุดประสงค์เพื่อนำเลือดไปช่วยชีวิตแมวที่มีภาวะวิกฤตจากโรคต่าง ๆ จนนำไปสู่ภาวะโลหิตจางรุนแรง เช่น โรคโลหิตจางจากติดเชื้อต่าง ๆใ นแมว การเสียเลือดมากจากอุบัติเหตุ โรคไตวายเรื้อรังที่มีภาวะแทรกซ้อนโลหิตจาง การได้รับสารพิษสารเคมีที่มีทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบเลือด เป็นต้น
จากความเจ็บป่วยเหล่านี้ การถ่ายเลือดจะช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในการกระบวนการรักษาของสัตวแพทย์ ที่จะช่วยให้แมวมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น
แมวบริจาคเลือด มีคุณสมบัติ อย่างไรบ้าง?
- แมวที่มีสุขภาพแข็งแรงดี มีอายุระหว่าง 1–8 ปี
- น้ำหนักตัวมากกว่า 4 กิโลกรัม ขึ้นไป
- ได้รับการทำวัคซีน การถ่ายพยาธิ และป้องกันปรสิตภายนอกอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ
- ไม่เคยได้รับการถ่ายเลือด หรือผลิตภัณฑ์เลือดมาก่อน
- ไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อสำคัญ เช่น FeLV, FIV, พยาธิในเม็ดเลือด เป็นต้น
- ผลการตรวจประเมิณสุขภาพก่อนบริจาคเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และค่าเคมีทางเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ไม่ได้รับยาบางชนิดที่มีผลต่อเม็ดเลือด เช่น corticosteroid ในระยะยาว
- ไม่มีนิสัยก้าวร้าว
การตรวจหมู่เลือด และการตรวจความเข้ากันได้ของเลือด ก่อน แมวบริจาคเลือด
หมู่เลือดในแมวสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมู่คือ เอ (A) , บี (B) และเอบี (AB)
- หมู่เลือดเอ เป็นหมู่เลือดที่พบมากที่สุดในแมวทั่วโลก (โดยเฉพาะแมวไทยและเอเชีย)
- หมู่เลือดบี พบมากในบางสายพันธุ์ เช่น British Shorthair, Devon Rex, Exotic Shorthair
- หมู่เลือดเอบี พบได้น้อยที่สุด ในประชากรแมวทั่วโลก

ขั้นตอนการ บริจาคเลือดแมว
ก่อนการบริจาคเลือด แมวทุกตัวจะต้องตรวจหมู่เลือดของแมวผู้บริจาคเลือดและแมวผู้รับบริจาคเลือด เพื่อให้เลือดในหมู่เลือดที่ตรงกันทั้งแมวผู้ให้และผู้รับ และต้องมีการตรวจความเข้ากันได้ของเลือดด้วยทำการ cross-matching ทุกครั้งก่อนบริจาคเลือด
เนื่องจาก ถ้าแมวรับเลือดที่ไม่สามารถเข้ากันได้อาจเกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันรุนแรง (acute hemolytic transfusion reaction) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ก่อนการถ่ายเลือดทุกครั้ง สัตวแพทย์ต้องตรวจหมู่เลือดและทำ cross-matching เพื่อความปลอดภัย
ขั้นตอนการเก็บเลือดจากแมวผู้บริจาค
- ผ่านการตรวจสุขภาพ การตรวจเลือดเพื่อประเมิณสุขภาพ ตรวจหมู่เลือดและตรวจความเข้ากันได้ของเลือดกับแมวผู้รับเลือด (cross-matching) เรียบร้อย
- การเจาะเก็บเลือด สัตวแพทย์จะทำการเจาะเก็บจากหลอดเลือดดำที่บริเวณคอ (jugular vein) ในแมวที่มีความสงบนิ่ง ไม่ตื่นกลัวสามารถเจาะเก็บเลือดได้เลย หากแมวมีภาวะตื่นกลัว ไม่อยู่นิ่งสัตวแพทย์อาจพิจารณาการให้ยาซึมเล็กน้อย เพื่อช่วยทำให้แมวสงบนิ่งขึ้น และลดความกลัวในขณะการเจาะเก็บเลือด
- การให้สารน้ำในระหว่างการเจาะเก็บเลือด และพักฟื้นหลังจากเจาะเก็บเลือดเสร็จแล้ว
- ปริมาณเลือดที่สามารถเก็บจากแมวผู้บริจาคในแต่ละครั้ง จะไม่เกิน 10-12 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ของแมวผู้บริจาค
- หลังการบริจารเลือดร่างกายแมวสามารถสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ และสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การบริจาคเลือดในแมวมีขั้นตอนที่ไม่น่ากลัว ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเก็บเลือด ที่สำคัญน้องแมวผู้บริจาคจะได้รับการตรวจสุขภาพไปด้วย การบริจาคเลือดในแมวช่วยให้สามารถช่วยเหลือแมวตัวอื่น ๆ ได้อย่างทันท่วงที ถือเป็น “การต่อชีวิต” ให้เพื่อนแมวอีกหลายตัวเลยค่ะ
บทความโดย
สพ.ญ.ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์
สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมว
PURRfect Cat Hospital
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – โรคโลหิตจางในแมว เนื่องจากภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดแดงตนเอง
