แมวแร็กดอลล์ – ลักษณะสายพันธุ์ และการดูแล

แมวแร็กดอลล์ มีหน้าตาเหมือนตุ๊กตาผ้า และมีนิสัยชอบกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ในอ้อมแขนของคนที่อุ้มเขาขึ้นมา

ประวัติสายพันธุ์ แมวแร็กดอลล์

แมวแร็กดอลล์ (Ragdoll) ได้กำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงปี 1960 โดยบรีดเดอร์หรือผู้พัฒนาพันธุ์ที่ชื่อว่า Ann Baker ในเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยเธอได้เลือกแมวชื่อ โจเซฟิน (Josephine) ซึ่งเป็นแมวบ้านขนยาว สีขาว ผวมกับแมวอีกตัวหนึ่ง ที่มีบุคลิกอ่อนโยน สงบ ตัวใหญ่ ขนยาวสวยงาม โดดเด่นด้วยลายแบบหิมาลายัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่พบเห็นได้ในแมว สายพันธุ์สยาม (Siamese)

ผลลัพธ์ที่ได้คือ แร็กดอลล์ (Ragdoll) ที่มีหน้าตาเหมือนตุ๊กตาผ้าและมีนิสัยชอบกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขในอ้อมแขนของคนที่อุ้มมันขึ้นมา

จากนั้น เมื่อปี 1975 มีการก่อตั้ง Ragdoll Fanciers Club International (RFCI) ขึ้นมา มีเป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานสายพันธุ์แร็กดอลล์ และได้รับการยอมรับจากสำนักทะเบียนแมว

จนกระทั่งในปี 1993 Cat Fanciers’ Association (CFA) ได้เริ่มขึ้นทะเบียนแมวสายพันธุ์แร็กดอลล์ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในปี 2000

ปัจจุบัน องค์กรทะเบียนแมว ส่วนใหญ่ได้ยอมแมวรับสายพันธุ์นี้ ไม่ว่าจะเป็น American Cat Fanciers Association (ACFA) , The International Ragdoll Cat Association (IRCA) , Fédération Internationale Féline (FIFe) และ The International Cat Association (TICA)

ลักษณะทางกายภาพ

แมวสายพันธุ์แร็กดอลล์ เป็นหนึ่งในแมวบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ลำตัวยาว มีกระดูกหนา ศีรษะมีขนาดกลาง แต่ขนที่หนาฟู ทำให้ดูเหมือนว่าแมวพันธุ์นี้มีศีรษะขนาดใหญ่ หูตั้ง เฉียงออกจากศีรษะ

ถ้าเราลองมองใบหน้าของเจ้าเหมียวจะมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม หางยาว ขนฟู ส่วนดวงตามีลักษณะเป็นรูปไข่ สีฟ้าเป็นประกาย (blue-eyed pointed) ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของแมวสายพันธุ์นี้

ขนมีลักษณะหนานุ่ม ปุย ฟู ขนชั้นในบาง ลำตัวมีสีอ่อน บริเวณคอจะมีขนยาว มีขน 4 แบบด้วยกัน คือ bi-color, van, mitted และ pointed และสีขนมี 8 สี ได้แก่ seal, blue, chocolate, lilac, red, cream, fawn และ cinnamon

บางตัวสามารถมีแต้มสีบนใบหน้า หน้าขาและหาง ซึ่งเข้มกว่าบริเวณอื่นๆ แบบแมวพันธุ์สยาม (Siamese) หรือแมวพันธุ์หิมาลายัน (Himalayan) ได้อีกด้วย จุดเด่นอีกประการหนึ่งของแมวพันธุ์แร็กดอลล์ คือ บริเวณรอบๆอุ้งเท้าและขาส่วนปลายจะมีสีขาวคล้ายว่าสวมถุงเท้าอยู่ ทาให้มีลักษณะเหมือนตุ๊กตาผ้า

แมวสายพันธุ์แร็กดอลล์ เมื่อโตเต็มวัยจะมีส่วนสูงประมาณ 9 – 11 นิ้ว และมีลำตัวยาวจากปลายจมูกถึงก้น 17 – 21 นิ้ว ไม่รวมหาง อ้างอิงจาก Cat Fanciers’ Association (CFA)
นheหนักของแมวพันธุ์นี้ เพศเมียโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 3 – 7 กิโลกรัม และเพศผู้เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 5 – 9 กิโลกรัม

อายุขัย

สาหรับแมวแร็กดอลล์ โดยทั่วไปจะมีอายุขัยอยู่ที่ประมาณ 12-17 ปี

ลักษณะนิสัย

แมวสายพันธุ์แร็กดอลล์ มีนิสัยไม่เหมือนแมวในสายพันธุ์อื่น ๆ คือเป็นแมวที่มีนิสัยขี้อ้อน เวลาใครมาอุ้ม จะทาตัวอ่อนปวกเปียก เหมือนแมวไร้กระดูก ไม่ดุร้าย ว่านอนสอนง่าย ขี้เล่น รักสงบ พลังงานน้อย ร้องเสียงเบา มีความอดทนสูง ชอบให้เกาท้อง และชอบเดินตามหรือนอนกับเจ้าของ

การเข้ากับเด็ก

แมวสายพันธุ์แร็กดอลล์ เป็นที่แนะนำมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่งสำหรับการเลี้ยงกับเด็ก เนื่องจากลักษณะนิสัยที่ขี้อ้อน อ่อนโยน และมีความอดทนสูง ทำให้สามารถเข้ากับคนในครอบครัว และสัตว์อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

สิ่งสำคัญ คือควรสอนให้เด็ก ๆ อุ้ม และเล่นกับแมว อย่างถูกถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการทำร้ายแมว ที่ก่อให้เกิดนิสัยดุร้าย และหันกลับมาตอบโต้ด้วยการทำร้ายเด็ก ๆ

การดูแลเส้นขน

แม้ว่าขนของแมวพันธุ์แร็กดอลจะหนาและฟูเหมือนขนกระต่าย แต่ง่ายต่อการดูแล เนื่องจาก ขนชั้นในไม่หนาเหมือนแมวสายพันธุ์อื่น ทำให้มีขนตายน้อย และง่ายต่อการแปรงขน ส่วนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ เส้นขนบริเวณคอและหาง ที่มีเส้นขนยาวหนา และมักพันกันเป็นก้อน

แมวแร็กดอลล์มีฤดูกาลผลัดขนช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ดังนั้น เจ้าของควรแปรงขนทุกวันในช่วงนี้ เพื่อกำจัดขนตายที่หลุดร่วง และป้องกันไม่ให้ขนพันกันเป็นก้อน สำหรับช่วงเวลาที่ไม่ผลัดขน เจ้าของสามารถอาบน้ำให้เดือนละครั้ง และควรใช้หวีแปรงขน 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์

การออกกำลังกาย

แมวพันธุ์แร็กดอลล์ มีนิสัยขี้อ้อน พลังงานน้อย และเป็นแมวขี้เล่นที่จะสนุกกับการมีของเล่น ไม่ชอบปีนป่ายในที่สูง ดังนั้น เจ้าของควรมีของเล่นแมว เช่น กล่องฝนเล็บ ไม้ตกแมว อุโมงค์แมว หรือคอนโดแมว ที่ไม่สูงจากพื้นมาก และใช้เวลาเล่นกับพวกเขาบ่อย ๆ เพื่อป้องกันความเครียด และให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย

อาหารและโภชนาการ

อาหารของแมวแร็กดอลล์ (Ragdoll) ควรประกอบด้วย 2 อย่างเป็นหลัก ได้แก่ อาหารเปียกและอาหารแห้ง ซึ่งสำคัญต่อการส่งเสริมให้แมวมีสุขภาพดี โดยสัดส่วนของสารอาหารที่ควรได้รับ คือ โปรตีนร้อยละ 60 ไขมันร้อยละ 30 และคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 10

เนื่องจากเแมวพันธุ์แร็กดอลล์ เป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ จึงต้องการโปรตีนในการบำรุงรักษาร่างกายมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องให้อาหารเปียกที่มีส่วนประกอบของเนื้อธรรมชาติที่ไม่ใช่เนื้อแปรรูป และเป็นอาหารที่มีตัวเลือกของโปรตีนมากที่สุด โดยปริมาณโปรตีนที่แนะนำ คือ 20 – 40 กรัมต่อวัน ซึ่งปกติแล้วพวกเขาจะได้รับจากอาหารเปียกกระป๋องหนึ่งกระป๋อง

นอกจากนี้ การเลือกให้อาหารที่มีส่วนประกอบจากอาหารทะเล เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว แต่ละอย่างควรมีปริมาณโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการสาหรับแมวสายพันธุ์นี้ด้วย

อาหารแห้ง มักจะอยู่ในรูปของอาหารเม็ด และประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของจะต้องให้อาหารแห้งในปริมาณที่เหมาะสม และควรพิจารณาว่า อาหารแห้งที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตไม่สูงเกินไป เพราะอาจทำให้แมวมีนำหนักเพิ่มขึ้น และกลายเป็นโรคอ้วนได้

ทุกครั้งที่แมวกินอาหาร น้ำก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน แมวพันธุ์แร็กดอลล์ มักมีปัญหาเกี่ยวกับไต และทางเดินปัสสาวะ เจ้าของควรวางชามน้ำสะอาดให้แมวสามารถมากินได้ตลอดทังวัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มขนมขัดฟันลงในส่วนผสมทุก ๆ 2 – 3 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบหินปูนบนฟันของพวกเขาได้ด้วย

โรคประจำสายพันธุ์

โรคระบบหมุนเวียนโลหิตและหัวใจ

  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (hypertrophic cardiomyopathy)

โรคระบบทางเดินอาหารและตับ

  • โรคทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease หรือ IBD)
  • ภาวะก้อนขนอุดตันทางเดินอาหาร (Hairball)

โรคระบบทางเดินปัสสาวะและไต

  • โรคนิ่วแคลเซียมออกซาเลตในกระเพาะปัสสาวะ (Calcium oxalate bladder stone)
  • โรคนิ่วทางเดินปัสสาวะ (Cystinuria) – ไตวายแบบเรื้อรัง (Chronic renal failure)
  • โรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (Urinary tract infections หรือ UTIs)
  • โรคถุงน้าในไต (Polycystic Kidney Disease) โรคระบบต่อมไร้ท่อ
  • โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus (DM)

โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง

  • ข้ออักเสบ (Arthritis)

โรคตา

  • โรคต้อกระจก (Cataract)

เพื่อให้มั่นใจว่า แมวแร็กดอลล์ที่เราตั้งใจรับมาเลี้ยงดู มีสุขภาพแข็งแรง และปลอดโรค เจ้าของควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้เลี้ยง และตรวจสอบใบจดทะเบียนพ่อแม่พันธุ์ เพื่อยืนยันความแข็งแรงและสุขภาพของพ่อแม่พันธุ์ และพาน้องแมวที่เพิ่งรับมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์อีกทางหนึ่ง เพราะแมวสายพันธุ์เดียวกันก็มีสุขภาพแตกต่างกันได้

เรียบเรียงโดย ทศพร ภู่ทอง

ข้อมูลอ้างอิง

The Spruce pets – Ragdoll: Cat Breed Profile, Characteristics & Care
petMD – Ragdoll


เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : แมวเมนคูน – ลักษณะสายพันธุ์ และการดูแล