ความเจ็บป่วยในสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับความเจ็บป่วยของมนุษย์ แตกต่างกันตรงที่ สัตว์เลี้ยงไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้โดยตรง โดยสัตวแพทย์ และคุณพ่อคุณแม่ต้องใช้วิธีการสังเกตอาการ เพื่อทำความเข้าใจกับปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งบางโรคก็ต้องพิจารณาอาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะ โรคระบบประสาทในสัตว์เลี้ยง
เมื่อสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วยเข้ามารักษากับสัตวแพทย์ การวินิจฉัยเบื้องต้นที่สัตวแพทย์มักใช้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็น โรคระบบประสาทในสัตว์เลี้ยง หรือไม่ คือการพิจารณาอาการที่ผิดปกติ ร่วมกับระยะเวลาที่เกิดความผิดปกติ โดยอาการที่ร่างกายมักแสดงออกส่วนใหญ่จะเกิดความปกติของท่าทาง หรือการเคลื่อนไหว
หลังจากพบความผิดปกติของการเคลื่อนไหว หรือท่าทาง สัตวแพทย์จะวินิจฉัยโรคในลำดับต่อไป เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีการตรวจทางระบบประสาท เพื่อกำหนดตำแหน่งของจุดที่ผิดปกติ แล้วเลือกวิธีการรักษา หรือวินิจฉัยเพิ่มเติม และประเมินโรคที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
โรคระบบประสาทที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยง
1. ลมชัก หรือการชักในสัตว์เลี้ยง
โรคลมชักในสัตว์เลี้ยง เป็นโรคระบบประสาทที่พบได้บ่อย และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร อาการชักสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะจุด เช่น กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก กระพริบตาเป็นจังหวะ หัวสั่น และกล้ามเนื้อขากระตุก ไปจนถึงระดับความรุนแรงที่อันตราย อย่างการชักเกร็งทั้งตัว และหมดสติ
โดยสาเหตุการเกิดโรคลมชักในสัตว์เลี้ยงเป็นไปได้ทั้ง
– กรรมพันธุ์
ที่ผ่านมา สัตวแพทย์พบว่า กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 60 ของการเกิดโรคลมชักในสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่มีกรรมพันธุ์โรคลมชักจะแสดงอาการในช่วงอายุ 6 เดือน – 6 ปี โดยสัตว์เลี้ยงจะแสดงอาการชักเหมือนกันทุกครั้ง ซึ่งไม่สามารถคาดได้ว่าจะเกิดการชักเมื่อไร และการชักแต่ละครั้งจะทิ้งช่วงกันประมาณ 1 เดือน โดยการตรวจรอยโรคของสัตวแพทย์ มักจะไม่พบรอยโรคในระบบประสาท และความผิดปกติของร่างกาย
– โรคที่ส่งผลต่อสมอง
สัตว์เลี้ยงที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังบางโรค เช่น โรคสมองจากโรคตับ และภาวะน้ำตาลสะสมในเลือดต่ำ มักจะแสดงอาการชักร่วมกับความผิดปกติของร่างกาย นอกจากนี้ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทโดยตรง เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการกระทบกระเทือนทางสมอง ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการชักได้
– การชักที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
หากสัตวแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยระบบประสาท และร่างกายครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุความผิดปกติใดๆ ได้ สัตวแพทย์จะสรุปว่า ยังไม่ทราบสาเหตุ หรือกล่าวได้ว่า เทคโนโนโลยีทางการสัตวแพทย์ในปัจจุบันยังไม่สามารถหาสาเหตุของการชักที่เกิดขึ้นได้
การรักษาโรคลมชักในสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด สัตวแพทย์จะจ่ายยาที่ป้องกันการชัก และนัดหมายเข้ามาพบสัตวแพทย์เป็นระยะเพื่อติดตามอาการ ในระหว่างนี้ สัตวแพทย์จะขอความร่วมมือคุณพ่อคุณแม่บันทึกประวัติการชักร่วมด้วย เพื่อนำไปประเมินการการปรับปริมาณยาในอนาคต
2. โรคหมอนรองกระดูก
คุณพ่อคุณแม่มักนำสัตว์เลี้ยงมาพบสัตวแพทย์ เมื่อพบว่าสัตว์เลี้ยงของตนเองมีอการเดินไม่ได้อย่างเฉียบพลัน โดยพบได้ทั้งอาการอ่อนแรงทั้ง 4 ขา หรือเฉพาะ 2 ขาหลัง
เนื่องจากโรคหนอมรองกระดูกส่วนใหญ่เกิดจากแรงที่กดบนไขสันหลังตลอดเวลา ทำให้สัตว์เลี้ยงมีความเจ็บปวด และอาจมีปัญหาเรื่องการส่งกระแสประสาทร่วมด้วย ส่งผลให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตบางส่วน หรืออัมพาตอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างอาการที่พบได้ เช่น
– มีการเจ็บบริเวณคอหรือหลัง ทำให้มีปัญหาเรื่องการหมุน หรือเลี้ยวตัว
– ขาหลังทำงานไม่สัมพันธ์กัน คือขาหลังหนึ่งข้างไขว้สลับมาอีกฝั่งในขณะเดิน
– สูญเสียการทำงานของทั้ง 4 ขา หรือเฉพาะ 2 ขาหลังทั้งสองข้าง ซึ่งถ้ารุนแรงอาจมีปัญหาเรื่องการควบคุมปัสสาวะ และอุจจาระร่วมด้วย
– การรับรู้ความเจ็บปวดหายไป มักเกิดในกรณีที่ไขสันหลังได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด ซึ่งการพยากรณ์โรคอยู่ในระดับแย่
การตรวจวินิจฉัย
สัตวแพทย์จะซักประวัติความเจ็บป่วยจากคุณพ่อคุณแม่ และตรวจร่างกายทั่วไปร่วมกับการตรวจทางระบบประสาทของสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้สามารถทำ myelogram หรือการฉีดสารทึบรังสีเข้าไปที่ไขสันหลัง หลังจากนั้นทำการถ่ายภาพทางรังสี เพื่อดูตำแหน่งที่ผิดปกติของหมอนรองกระดูกที่เห็นได้จากสีในภาพเอกซเรย์ อีกหนึ่งวิธีคือทำ MRI (magnetic resonance imaging) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการสัตวแพทย์ และยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อใช้วินิจฉัยทางระบบประสาท
การรักษาขึ้นกับระดับความรุนแรงของโรค โดยสามารถแบ่งระดับความรุนแรงของสัตว์ป่วยอัมพฤกษ์/อัมพาต 5 ระดับ โดยสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ 1 และ 2 อาจจะยังรักษาด้วยการให้ยาแก้อักเสบเพื่อช่วยลดปวด ร่วมกับการจำกัดบริเวณ 3-4สัปดาห์ แล้วจึงทำกายภาพบำบัดต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ อัลตราซาวด์ ลู่วิ่งใต้น้ำ ฝังเข็ม เป็นต้น หลังจากนั้นค่อยหยุดยาลดปวดลงทีละน้อย
สำหรับระดับที่ 3 สัตวแพทย์อาจจะเริ่มด้วยการรักษาทางยาและการจำกัดบริเวณ แต่ถ้า 7 วันผ่านไปแล้ว สัตว์เลี้ยงยังแสดงอาการเจ็บ หรือไม่สามารถขยับตัวได้ อาจพิจารณาวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อรักษาโดยการผ่าตัดต่อไป
ในสัตว์เลี้ยงที่ป่วยในระดับ 4 และ 5 ควรได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด ผลของการรักษาขึ้นกับระดับความเจ็บป่วย ยิ่งระดับน้อยยิ่งมีโอกาสรักษากลับมาเดินได้มากกว่า
3. เนื้องอก และการติดเชื้อในระบบประสาท
อาการของสัตว์เลี้ยงที่มีเนื้องอก และการติดเชื้อในระบบประสาท จะแสดงอาการแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับระบบประสาทส่วนใดได้รับผลกระทบ
หากเกิดเนื้องอก เกิดขึ้นที่ไขสันหลัง อาจไปอุดกั้นโพรงสมองและไขสันหลัง เกิดการอักเสบจนไปถึงทำให้กระแสประสาทส่งผ่านต่อไปไม่ได้ สุนัขก็อาจมาด้วยอาการอัมพฤกษ์และอัมพาตได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังเคยพบกรณี การเกิดเนื้องอกในสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและการทรงตัว ทำให้สัตว์เลี้ยงเสียสมดุลของร่างกายจนเดินไม่ได้ หรือเดินเซ หรือยืนขึ้นแล้วมักจะล้มตัวลงข้างเดิมเสมอ มีอาการตากระตุก และตาเหล่ ซึ่งต้องวินิจฉัยแยกจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น สัตว์เลี้ยงมีอายุมากขึ้นนำมาซึ่งความเสื่อมของร่างกายและสมอง ช่องหูอักเสบชั้นกลางและชั้นใน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือได้รับยาบางชนิดมากเกินไป
โดยการรักษากลุ่มเนื้องอกที่สมองมักจะเป็นรูปแบบการประคับประคอง เช่น ให้ยาที่กระตุ้นให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารได้ หรือยาลดปวดในกรณีที่สัตว์เลี้ยงมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หรือกรณีที่สัตว์เลี้ยงนอนไม่ได้ และร้องกระวนกระวาย สัตวแพทย์อาจให้ยานอนหลับเพื่อให้คุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์ดีขึ้น
สำหรับสัตว์เลี้ยงที่แสดงอาการทางประสาทเพียงเล็กน้อย และสามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ด้วยยาลดอักเสบ และการพยากรณ์โรคจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าอีกกลุ่ม
4. ความผิดปกติตั้งเเต่กำเนิด
โรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่สัตว์เลี้ยงมักเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ได้แก่ โรคหัวบาตร โดยส่วนใหญ่พบในสุนัข อาอาการบ่งชี้คือมีลักษณะหัวโต ตาเหล่ ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายหลังคารูปโดม และมีอาการมึนงง ล่องลอย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ และท่าทางการเคลื่อนไหวผิดปกติ
โรคสมองน้อยย้อยหรือท้ายกะโหลกเจริญผิดรูปซึ่งมักเกิดในพันธุ์ Cavalier King Charles Spaniel ทำให้เกิดการคั่งน้ำที่โพรงไขสันหลัง และโพรงสมอง สุนัขอาจมีท่าทางการเดินผิดปกติ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก น.สพ.นรวร นาคทิพวรรณ สัตว์แพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน
ภาพถ่าย บ้านและสวน Pets
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใน