การป้องกันสัตว์เลี้ยงจากงู ในหน้าฝน ไม่ใช่แค่เรื่องของคนกลัวงูเท่านั้น แต่มันคือการ ดูแลหมาของเราไม่ให้ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ก่อนภัยจากสัตว์มีพิษจะมาเยือน
เพราะเรารู้ว่าการสูญเสีย… มันเจ็บกว่าเขี้ยวงูหลายเท่า บทความ “การป้องกันสัตว์เลี้ยงจากงู ในหน้าฝน” เขียนขึ้น… ไม่ใช่แค่ในฐานะคนรักหมาเท่านั้น แต่เขียนในฐานะ บ้านที่เคยเจองู และเคยสูญเสียน้องหมาเพราะงูมาแล้วจริง ๆ
ขุนช้าง — เฟรนช์บูลด็อกผู้ร่าเริง ตายอย่างเงียบงันเพียงข้ามคืน
แอนนา — ลาบราดอร์ผู้ใจดี ล้มลงหลังจากเจองูเพียงไม่กี่นาที
และ สาลี่ — บูลด็อกอีกตัว ที่เกือบจะกลายเป็นข่าวเศร้าอีกครั้ง
แต่โชคดีที่วันนั้นเราพาไปถึงมือคุณหมอ ช่วยชีวิตได้ทันเวลา… การป้องกันงู จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สำหรับบ้านเราอีกต่อไป และเราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้บ้านอื่นไม่ต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักแบบเรา

การป้องกันสัตว์เลี้ยงจากงู ในหน้าฝน
เพราะหน้าฝนไม่ได้มีแค่เพียงสายฝน แต่อาจนำพา “งูเจ้าบ้าน” เข้ามาหลบฝนภายในบริเวณบ้านเราเช่นกัน….หน้าฝน คือช่วงเวลาที่ทุกชีวิตกำลังมองหาที่พักพิง ในขณะที่น้องหมาของเรามุดผ้าห่มนอนหลบฝนอย่างมีความสุขอยู่นั้น สัตว์บางชนิดก็เริ่มเคลื่อนที่เงียบ ๆ ภายใต้ความชื้นของโลก หนึ่งในนั้นคือ “งู” นักล่าผู้ไม่เคยเคาะประตู
โดยเฉพาะบ้านที่มีสนามหญ้า มีสวน มีบ่อน้ำ หรือมีสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก อาจกลายเป็นจุดหมายปลายทางของงูเจ้าถิ่นที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร แต่แค่มาหลบฝนเหมือนกัน แต่สำหรับเราคนเลี้ยงหมา หมาไม่รู้ว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวในความมืดคืองูเขาแค่ “ปกป้องบ้าน” และอาจเป็นการเผชิญหน้า เสี่ยงกับอันตรายแทนเราโดยไม่ทันตั้งตัว
เพราะงูไม่ร้องเตือน หมาเท่านั้นที่เห่าก่อน ดังนั้น หน้าฝนแบบนี้ มาป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
5 แนวทาง ป้องกันสัตว์เลี้ยงจากงูในหน้าฝน (พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ เหมือนเลี้ยงหมาในบ้านจริง ๆ)
1. ตัดวงจรอาหาร – อย่าให้บ้านเรามีของอร่อยสำหรับงู
งูไม่ใช่สัตว์ที่เลื้อยไปเรื่อยเปื่อย มัน “ตามกลิ่น” หรือ “ตามเสียง” ของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อย่างหนู กบ เขียด จิ้งจก ไข่นก ลูกไก่ หรือแม้แต่น้องไก่ที่เจ้าของทิ้งไว้ในขยะหลังบ้าน
เปรียบเทียบง่าย ๆ :
หากหมาได้กลิ่นข้าวหมูกรอบ จะเดินไปหาแน่นอน งูก็เหมือนกัน ถ้าหนูแวะมาอยู่ใต้ตู้ซักผ้า — งูอาจตามมาต่อ
แนวทางป้องกัน :
- เก็บอาหารสัตว์ให้มิด (โดยเฉพาะอาหารแมวหรือไก่ที่วางไว้กลางคืน)
- เก็บผลไม้ร่วง ไม่ให้หมักจนล่อหนู
- สำรวจจุดที่มีหนูหรือน้ำขัง เช่น ใต้ครัวนอก ใต้แท้งค์น้ำ หรือรางน้ำ

2. จัดสวนให้โล่ง งูไม่ชอบที่เปิดเผย
- เก็บอาหารสัตว์ให้มิด (โดยเฉพาะอาหารแมว หรือไก่ที่วางไว้ในเวลากลางคืน)
- เก็บผลไม้ร่วง ไม่ให้หมักจนล่อหนู
- สำรวจจุดที่มีหนูหรือน้ำขัง เช่น ใต้ครัวนอก ใต้แท้งค์น้ำ หรือรางน้ำ
งูเป็นสัตว์ที่ชื่นชอบพื้นที่เย็น ชื้น มืด และเงียบ เพราะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับงู แต่สำหรับหมาของเราที่วิ่งเล่นเป็นนิสัย อาจกลายเป็นเหยื่อแบบไม่ตั้งใจ
เปรียบเทียบ:
ถ้าคุณเคยเก็บของเล่นหมาไว้บริเวณพุ่มไม้ ลองสังเกตดี ๆ วันไหนเขาไม่เข้าไปเอา — เขาอาจได้กลิ่นบางอย่างก่อนแล้ว
แนวทางป้องกัน:
- ตัดหญ้าให้เตียนโล่ง โดยเฉพาะริมกำแพง
- เก็บข้าวของและจัดระเบียบพื้นที่บริเวณบ้านให้เรียบร้อย ไม่ระเกะระกะ กองหรือสุมไว้
- อุดโพรงใต้บ้าน หรือใต้อ่างบัว
- หมั่นเดินสำรวจ ตรวจสอบพื้นที่รอบบ้านตอนกลางวัน โดยเฉพาะจุดที่หมาชอบไป
3. ปลูกต้นไม้ที่งูไม่ชอบ – เพราะกลิ่นบางอย่าง ก็ไล่ได้มากกว่าคำพูด
มีพืชสมุนไพรที่ชาวบ้านเชื่อว่าช่วย “ขับไล่” หรือทำให้งูไม่อยากมาใกล้ กลิ่นแรงบ้าง ใบคมบ้าง หรือแสบผิวเมื่อเลื้อยผ่าน
เปรียบเทียบ:
เหมือนเวลาหมาดมตะไคร้หอมแล้วจาม งูก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ต่างคือ หมาหนีไม่เป็นงูเลื้อยหนีเลย
ต้นไม้ที่ควรมีรอบบ้าน:
- ว่านหางจระเข้ : ใบคมแหลม ไม่เป็นมิตรต่อการเลื้อยคลาน
- ว่านงู / ว่านสาบเสือ / ว่านเกราะ : กลิ่นแรงตามความเชื่อพื้นบ้าน
- ตะไคร้หอม / โหระพา / กะเพรา: กลิ่นฉุน ไล่ได้ทั้งงูและแมลง
- บอระเพ็ด: ลำต้นขมคาว งูไม่ชอบเลื้อยผ่าน
วิธีใช้: ปลูกเป็นแนวรั้ว, วางกระถางรอบบ้าน, หรือบดพืชแห้งผสมพริกไทยดำโรยบริเวณทางผ่านงู
4. หมั่นสังเกตพฤติกรรมน้องหมาให้มากขึ้น เพราะหมา “รู้ก่อนเราเสมอ”
ไม่มีอะไรซื่อสัตย์เท่าหมา ไม่มีอะไรซื่อตรงเท่าหมาที่จ้องบางอย่างโดยไม่กระพริบตา งูเคลื่อนไหวแบบเงียบ ๆ แต่หมาไม่ได้เงียบตาม เขาจะมีพฤติกรรมตอบสนองทันที เช่น เห่า ตึงตัว และหมอบรอ ทั้งหมดนี้ คือการส่งสัญญาณให้เรารู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
เปรียบเทียบ:
เคยเห็นหมาเห่าไปทางโพรงข้างบ้าน โดยไม่มีใครมองเห็นอะไรไหม? หลายครั้งไม่ใช่แมว ไม่ใช่หนู…แต่มันอาจเป็นงูนั่นแหละ
แนวทางป้องกัน:
- อย่ามองข้ามพฤติกรรมแปลก ๆ ของหมาที่แสดงออกมา
- หากเขาเห่าที่เดิมซ้ำ ๆ หรือไม่ยอมเข้าใกล้จุดใดจุดหนึ่ง ให้ส่องไฟดู
- อย่าปล่อยหมาอยู่ข้างนอกบ้านตอนกลางคืนโดยไม่มีแสงไฟ
- หากต้องเดินผ่านสวนตอนกลางคืน ให้พาหมาไปด้วย เพราะหู และจมูกน้องหมาดีกว่าตาเราเสมอ

5. กลุ่มอุปกรณ์และสารเคมีป้องกันงู (ที่นิยมใช้จริง)
อุปกรณ์และสารเคมีที่ใช้ป้องกันงูมีอยู่จริง และบางชนิดก็ใช้ได้ผลในระดับหนึ่ง “เมื่อใช้ควบคู่กับการจัดการสิ่งแวดล้อม” อย่างถูกวิธี แต่ก็ต้องเข้าใจว่า “ไม่มีอะไรกันงูได้ 100%” เพราะงูแต่ละตัวตอบสนองต่อกลิ่นหรือสิ่งรบกวนต่างกัน และงูบางชนิดก็ “ดื้อ” กว่าที่เราคิด
5.1 ผงกันงู / สเปรย์กันงู
- ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ กำมะถัน (sulfur), ลูกเหม็น (naphthalene) หรือสมุนไพรฉุน ๆ เช่น ตะไคร้หอม หรือ พริกไทย
- ใช้โรย หรือพ่นตามแนวรั้ว ขอบบ้าน ประตู หน้าต่าง หรือโคนต้นไม้
- กลิ่นแรง ทำให้งูเลี่ยงเส้นทางนั้น
- ตัวอย่างแบรนด์: Snake-A-Way, Snake Shield, Snake Out (ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้า)
ข้อควรระวัง:
– บางสูตรเป็นพิษกับเด็กเล็ก แมว หรือหมาที่ชอบเลีย
– มีกลิ่นฉุน อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ภายในบ้าน
– ประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอฝนหรือความชื้น
5.2 เครื่องส่งคลื่นความถี่ไล่งู (Snake Repeller)
- ใช้คลื่นสั่นสะเทือนหรือความถี่เสียงที่งูไม่ชอบ
- ปักไว้ในดิน โดยเฉพาะบริเวณสวน สนาม หรือแนวรั้ว
- บางรุ่นเป็นแบบพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ต้องเสียบปลั๊ก
ข้อดี:
– ไม่เป็นอันตรายกับคนหรือสัตว์เลี้ยง
– ติดตั้งครั้งเดียวใช้งานได้ยาวนาน
ข้อควรระวัง:
– ต้องใช้หลายต้นในพื้นที่กว้าง
– งูบางชนิดอาจไม่ตอบสนองต่อคลื่นที่ปล่อยออกมา
5.3. ลูกเหม็น (naphthalene balls)
- กลิ่นแรงมาก งูไม่ชอบ โดยเฉพาะงูเห่า
- นำลูกเหม็นใส่ถุงตาข่าย แล้ววางเป็นจุด ๆ รอบบ้าน หรือฝังในผ้าตาข่ายเล็กใต้รั้ว
- ใช้ได้ผลระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรใช้ในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงและเด็ก
5.4 ปูนขาว หรือ ปูนขาวผสมกำมะถัน
- บางบ้านใช้โรยรอบสวนหรือขอบกำแพง
- กลิ่นและพื้นสัมผัสทำให้งูเลี่ยง
- อาจใช้โรยร่วมกับพริกไทยดำบด หรือสมุนไพรไล่งูเพื่อเสริมแรง
ข้อควรรู้ก่อนใช้งาน
- งูบางชนิดดื้อต่อกลิ่น เช่น งูทางมะพร้าว หรืองูสิง บางตัวสามารถเลื้อยผ่านได้หากมีแรงจูงใจ
- ฝนตก = กลิ่นจาง ต้องเติมใหม่บ่อย ๆ
- ไม่ควรใช้สารเคมีไล่งูในบ้านปิด ที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
- วิธีป้องกันที่ได้ผลจริง คือต้องใช้ควบคู่กับการจัดสวนให้โปร่ง ตัดวงจรอาหาร (ไม่มีหนู-กบ) อุดโพรง-ปิดทางเข้า และสังเกตพฤติกรรมการเตือนภัยจากน้องหมา
“การป้องกันงู” ไม่ใช่เรื่องของคนกลัวงูเท่านั้น แต่มันคือการ ดูแลหมาของเราไม่ให้ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายก่อนใคร เพราะในวันที่งูเลื้อยมาเงียบ ๆ ท้ายที่สุด… งูไม่ผิดที่เป็นงู มันแค่ทำในวิถีทางธรรมชาติ
แต่หมาของเรา เขาไม่ได้เลือกที่จะเสี่ยง เขาแค่ “รักเรา” พร้อมจะปกป้อง และยืนขวางไว้ก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หมาปลอดภัยในหน้าฝนนี้ และไม่มีใครต้องเสีย “เพื่อนรัก” เพราะงูอีกเลย
บทความโดย
ภาณุ ศรีรัตนประภาส ผู้ก่อตั้งเพจ ส่ายหาง The Happy Tails
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – เสียงสุนัขหอน – เข้าใจ 5 เหตุผลเบื้องเสียงเห่าหอนของสุนัข
