อเมริกัน ช็อตแฮร์

อเมริกัน ช็อตแฮร์ (American Shorthair) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์

แมวพันธุ์ อเมริกัน ช็อตแฮร์ เป็นแมวพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในประเภทแมวขนสั้น

ในปี ค.ศ. 1620 นักเดินเรือได้นำแมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์เป็นแมวประจำเรือครั้งแรก เพื่อใช้กำจัดหนูบนเรือที่กลับมาจากพลิมัท (Plymouth) รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) และเรือที่เดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมเจมส์ทาวน์ (Jamestown) ในอาณานิคมเวอร์จิเนีย (Virginia) รวมถึงพาแมวไปยังประเทศต่าง ๆ ทำให้ถูกเรียกว่าแมวเดินทางในทะเล (Seafairing cat)

ในปี ค.ศ. 1634 เริ่มมีผู้คนนำแมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ มาใช้งาน เช่น ชาวนา, เจ้าของร้าน, หรือนำมาเลี้ยงไว้ในบ้าน เพื่อใช้ป้องกันหนู หรือศัตรูพืชที่กินมากินอาหาร เพราะเป็นแมวที่ขยัน แข็งแรง และเข้มแข็ง

ในปี ค.ศ. 1896 แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ เริ่มเป็นที่นิยมเลี้ยง และมีจำนวนมากขึ้นเป็นอย่างมาก รวมถึงได้ถูกนำมาประกวดแมวที่ Madison Square Garden ให้เห็นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และมีราคาซื้อแมวอยู่ที่ $2500

ในปี ค.ศ. 1906 สมาคม The Cat Fanciers Association ได้มีการขึ้นทะเบียนให้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มแมวไม่ทราบสายพันธุ์ (Random-bred cats) หรือเป็นที่รู้จักกันด้วยทั่วไปคือเป็นแมวพันธุ์พื้นเมือง (Domestic Shorthairs)

ในปี ค.ศ. 1966 ได้มีการตั้งชื่อเป็นแมวสายพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ หลังจากผู้เพาะพันธุ์พบสายพันธุกรรมของแมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์โดยเฉพาะ แตกต่างกับสายพันธุ์อื่น และได้รับการจดทะเบียนเป็นสายพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์จากทุกสมาคมทั้งหมด รวมถึงเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับแปดจากแมวทุกสายพันธุ์ จัดอันดับโดยสมาคม The Cat Fanciers Association ในสหรัฐอเมริกา

ลักษณะทางกายภาพ

แมวพันธุ์ อเมริกัน ช็อตแฮร์ เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวเป็นกล้ามเนื้อแน่น โดยหัวมีลักษณะใหญ่ หน้าผากเรียบ โค้งนูนปานกลาง, โหนกแก้มมีความยาวมากกว่ากว้าง เห็นชัดเจน, จมูกมีขนาดปานกลาง มีความยาวเท่ากับความกว้าง, หูมีขนาดปานกลาง ส่วนปลายกว้างออก ความกว้างระหว่างหูมากกว่าความกว้างระหว่างตาสองเท่า, หางยาวปานกลาง ส่วนฐานใหญ่ แต่ส่วนปลายทู่

ลักษณะเส้นขนสั้น หนา แข็ง เพื่อให้สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาว ป้องกันการบาดเจ็บที่ผิวหนัง และป้องกันความชื้น โดยสีขนสามารถพบได้หลากหลายสี หลากหลายรูปแบบมากถึง 80 แบบ ซึ่งทุกแบบจะต้องมีสีพื้นฐานเป็นส่วนประกอบอย่างน้อยหนึ่งสี เช่น สีขาว (White), สีดำ (Black), สีครีม (Cream), สีฟ้า (Blue), สีน้ำตาล (Brown), สีชินชิล่า (Chinchilla), หรือสีคามิโอ (Cameo) เป็นต้น

แมวพันธุ์ อเมริกัน ช็อตแฮร์ เพศผู้มีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 12-14 นิ้ว หรือ 30.5-35.6 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 14-16 ปอนด์ หรือ 6.4-7.3 กิโลกรัม และเพศเมียมีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 10-12 นิ้ว หรือ 25.4-30.5 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 10-15 ปอนด์ หรือ 4.5-6.8 กิโลกรัม

อายุขัย

แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ โดยทั่วไปมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20 ปี

ลักษณะนิสัย

แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ เป็นแมวขี้เล่น ร่าเริง เป็นมิตร รักความสนุกสนาน สามารถปรับตัวเข้ากับครอบครัวได้ เป็นแมวที่ต้องการความรัก ความสนใจ มักจะเรียกร้องให้เจ้าของเล่นด้วย โดยเฉพาะชอบเล่นของเล่นประเภทที่ใช้เหยื่อปลอมล่อให้แมววิ่งเล่น เพราะ
มีความเป็นนักล่าสูง ทำให้ชอบวิ่งเล่นไล่จับสัตว์ แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ มีความอดทนต่อการถูกทิ้งไว้ตัวเดียว สามารถใช้เวลานั้นนอนตอนกลางวันได้ นอกจากนี้ ยังสามารถผูกมิตรกับสัตว์ตัวอื่นในบ้านได้ง่าย เหมาะสำหรับเลี้ยงในครอบครัว หรือเลี้ยงในบ้านที่มีเด็กเล็กเป็นอย่างดี สามารถเลี้ยงรวมกับแมวตัวอื่นในบ้านได้ไม่มีปัญหาเรื่องทะเลาะกัน

การเข้ากับเด็ก

แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวและเด็ก รวมถึงสามารถเล่นกับสุนัขได้ เนื่องจากแมวพันธุ์นี้มีความขี้เล่น ให้ความสนใจ และไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยแมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ถูกจัดอยู่ในความเหมาะสมกับเด็กระดับ 4 จาก 5

การดูแล

การออกกำลังกาย

แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายมาก เพียงพาแมวไปวิ่งเล่น หรือให้วิ่งไล่จับสัตว์หรือของเล่นภายในบ้าน หรือนอกบ้านอย่างน้อย 10 นาทีต่อวัน เพื่อลดโอกาสการมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน

อาหาร

แมวพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพเป็นส่วนประกอบในอาหาร เนื่องจากเป็นแมวที่มีกล้ามเนื้อมาก การต้องการโปรตีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อบำรุงสุขภาพขนให้สวยงาม โดยปริมาณแคลอรี่ที่แนะนำต่อวันในแมวโตคือ 320 กิโลแคลอรี่ สำหรับแมวที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

โรคประจำพันธุ์

  • โรคระบบหมุนเวียนโลหิตและหัวใจ
  • โรคระบบทางเดินปัสสาวะและไต
    • กลุ่มโรคไตรั่ว (Hereditary nephritis)
    • โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างของแมว (Feline Lower Urinary Tract Disease : FLUTD)
    • ไตวายแบบเรื้อรัง (Chronic renal failure)
    • ภาวะเกิดถุงน้ำภายในไต (Polycystic kidney disease : PKD)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
  • โรคหู
    • โรคหูหนวกตั้งแต่กำเนิด (Congenital deafness)

เรื่อง : ทรงภูมิ อานันทคุณ

ติดตามข้อมูล บ้านและสวน PETS ได้ที่นี่