Dog Zone

ภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน Patent Ductus Arteriosus (PDA)

ภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน หรือ Patent Ductus Arteriosus (PDA) เกิดจากหลอดเลือดที่เชื่อมต่อระหว่างหลอดเลือดแดงเอออร์ตา (Aorta) กับหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ (Pulmonary artery) ไม่ปิดลง โดยความผิดปกตินี้เป็นความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่กำเนิด หลอดเลือดทั้งสองเส้นนี้ เป็นหลอดเลือดที่ส่งเลือดออกจากหัวใจ โดยภาวะการมีอยู่ของเส้นเลือด ductus arteriosus สามารถพบได้เป็นปกติเมื่อลูกสัตว์ยังอยู่ในครรภ์ ในขณะที่ปอดยังไม่ทำงาน (ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง) โดยสัตว์ที่อยู่ในครรภ์จะได้รับออกซิเจนผ่านทางรก ซึ่งมีหลอดเลือดดักตัสอาร์เทอริโอซัส (Ductus arteriosus) เป็นหลอดเลือดหลักในการนำเลือดจากหัวใจผ่านข้ามปอด (ซึ่งในขณะเป็นตัวอ่อนยังไม่ทำงาน) ไปยังหลอดเลือดแดง aorta ที่ส่งเลือดแดงไปเลี้ยงทั่วร่างกาย แต่ภายหลังการคลอด ปอดเริ่มมีการทำงานเส้นเลือดที่เป็นทางเชื่อมไปยังหลอดเลือดแดง aorta คือหลอดเลือด Ductus arteriosus เปิดอยู่ ไม่ฝ่อหายไป จึงเกิด ภาวะที่เรียกว่า Patent ductus arteriosus หรือ ภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน ภายหลังลูกสัตว์คลอดและมีการหายใจครั้งแรก หลอดเลือด Ductus arteriosus จะถูกกระตุ้นให้หลอดเลือดปิดลง โดยหลอดเลือดนี้ จะตีบลงกลายเป็นเอ็น (ligament) ที่ยึดหลอดเลือดทั้งสอง การปิดของหลอดเลือด Ductus […]

อ่านต่อ

โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia : BPH)

หากพบสุนัขเพศผู้มีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย หรือเบ่งอุจจาระนานกว่าปกติ โรคสำคัญที่หมอมักจะต้องนึกถึงเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือ “โรคต่อมลูกหมากโต” หรือ Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) ซึ่งเป็นโรคที่มีความสำคัญทางระบบสืบพันธุ์ของผู้ชายและสัตว์เพศผู้เมื่ออายุมาก พบได้ในคน สุนัข และมีรายงานการเกิดโรคในลิงชิมแปนซี แต่ไม่พบโรคในแมว ต่อมลูกหมากของสุนัขจะทำหน้าที่ในการสร้างน้ำเลี้ยงเชื้อในการผสมพันธุ์ ต่อมจะมีรูปร่างกลมรีแบ่งเป็น 2 ก้อน ซ้ายและขวาอยู่ล้อมรอบบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะส่วนต้น และอยู่ใต้ลำไส้ตรง ดังนั้น หากต่อมลูกหมากเกิดความผิดปกติมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น โรคต่อมลูกหมากโต ถุงน้ำ หรือฝีหนองในต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมลูกหมากจะส่งผลต่อระบบขับถ่ายเป็นหลัก โรคต่อมลูกหมากโต พบได้ในสุนัขทุกพันธุ์ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และอาจเรียกได้ว่าเป็นโรคของสุนัขแก่ เนื่องจากพบได้บ่อยในสุนัขเพศผู้อายุมากที่ยังไม่ได้ทำหมัน อุบัติการณ์ของโรคเพิ่มขึ้นตามอายุเช่นเดียวกับคน โดยผู้ชายอายุระหว่าง 60-70 ปี จะมีภาวะต่อมลูกหมากโตได้ร้อยละ 55 ส่วนในสุนัขอายุมากกว่า 5 ปี จะพบโรคได้มากกว่าร้อยละ 80 และมากกว่าร้อยละ 95 เมื่อสุนัขอายุ 9 ปี แต่สุนัขที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต อาจจะมีอาการป่วยหรือไม่ก็ได้ สาเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต สาเหตุของโรคต่อมลูกหมากโตยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด […]

อ่านต่อ

การเลือกซื้ออาหารสุนัข ให้เหมาะกับโภชนาการและช่วงวัย

สำหรับเหล่าทาสหมาแล้ว นอกจากที่อยู่อาศัย ที่นอน และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแล้ว การเลือกซื้ออาหารสุนัข ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของน้องหมานั้นดียิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันอาหารและขนมสำหรับสุนัขมีมากมายหลายแบบ หลายประเภท และหลากหลายยี่ห้อ การเลือกซื้ออาหารสุนัข ที่เหมาะสมกับความต้องการของสุนัขแต่ละตัวในแต่ละช่วงอายุจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สุนัขมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอายุที่ยืนยาว 1.ศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการสารอาหารสุนัขให้เข้าใจ สุนัขเป็นสัตว์ที่สามารถกินได้ทั้งพืชและเนื้อ (Omnivorous) จึงควรได้รับสารอาหารทุกชนิดอย่างครบถ้วน – น้ำ (Water) ในร่างกายของสุนัขประกอบด้วยน้ำประมาณ 70% ทำหน้าที่ในการขนส่งสารอาหาร ระบายความร้อน และช่วยในขบวนการทางเคมีต่าง ๆ เจ้าของจึงควรวางน้ำสะอาดไว้ให้สุนัขกินตลอดเวลา โดยปริมาณน้ำที่ให้ในแต่ละวันจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว เฉลี่ยประมาณ 25 – 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน แต่ในช่วงที่อากาศร้อนสุนัขจะต้องการน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่าของปริมาณน้ำที่ดื่มปกติ – โปรตีน (Protein) เป็นสารอาหารที่สามารถหาได้จากทั้งพืชและสัตว์ ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการพัฒนามวลกล้ามเนื้อ สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ โดยปกติแล้วอาหารสำหรับลูกสุนัขควรมีโปรตีน 22-28 เปอร์เซ็นต์ อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยควรมีโปรตีน 10-18 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะมีสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเป็นอาหารบาร์ฟ […]

อ่านต่อ

ข้อดีและข้อเสียของ อาหารและขนมสำหรับสุนัขแต่ละประเภท

โภชนาการด้านน้ำดื่ม อาหารและขนมสำหรับสุนัข ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้เลี้ยงควรให้ความสนใจ เพราะ อาหารที่สุนัขกินในแต่ละมื้อล้วนส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง ซึ่งโภชนาการที่ดีสำหรับสุนัขไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณอาหารเพียงเท่านั้น แต่คือการให้ อาหารและขนมสำหรับสุนัข ที่เหมาะสมกับความต้องการของสุนัขแต่ละตัวในแต่ละช่วงอายุ เพื่อให้สุนัขมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอายุที่ยืนยาว 1. อาหารเม็ด หรืออาหารแห้ง (Kibble / Dry Dog Food) อาหารประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะ สามารถหาซื้อได้ง่าย เก็บไว้ได้นาน มีให้เลือกหลายสูตร หลากยี่ห้อ ประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อสุนัขอย่างครบถ้วน ทำให้สามารถควบคุมปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อมื้อสำหรับสุนัขได้ง่าย นอกจากนี้การกินอาหารเม็ดยังเสมือนการได้ขัดฟันไปในตัว ทำให้สุนัขมีฟันแข็งแรง ช่วยลดแบคทีเรีย คราบหินปูน และช่วยลดปัญหากลิ่นปากได้อีกด้วย 2.อาหารแบบเปียก หรืออาหารกระป๋อง (Canned Dog Food / Wet Dog Food) อาหารกระป๋องส่วนใหญ่มักจะมีเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อไก่ เนื้อวัว หรือเนื้อปลาเป็นส่วนประกอบหลัก และบางยี่ห้ออาจจะใส่พืชผัก อย่าง แครอท บร็อคโคลี หรือฟักทองลงไป เพื่อเพิ่มกลิ่น รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการให้แก่อาหาร จึงเหมาะสำหรับสุนัขมีปัญหาเรื่องการกิน […]

อ่านต่อ
บีเกิล

บีเกิล (Beagle) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ บีเกิล (Beagle) จัดอยู่ในจำพวกกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ (Hound) เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ และสามารถพบเจอได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศอังกฤษ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ชาวอังกฤษนิยมเพาะมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง คุณสมบัติและความสามารถพิเศษที่โดดเด่นของบีเกิลอย่างหนึ่ง คือ มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างสูงในการไล่ล่า และแกะรอยกระต่ายป่า ดังนั้น นายพรานส่วนใหญ่จึงมักพาบีเกิลออกไปเป็นฝูง ๆ แต่เช้ามืด เพื่อดมกลิ่นหาเหยื่อ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมของนายพรานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ นักประวัติศาสตร์พบหลักฐานว่า สุนัขสายพันธุ์บีเกิลถูกใช้สำหรับล่าสัตว์มาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ในเวลาต่อมาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พวกมันถูกนำเข้ามายังอเมริกาเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังได้รับความนิยมในกลุ่มนายพรานอย่างมากด้วยประสาทการดมกลิ่นอันเป็นเลิศ จนกระทั่งถึงปี 1870 จึงมีนักพัฒนาสายพันธุ์สุนัขกลุ่มหนึ่ง เริ่มหันมาสนใจพัฒนาสายพันธุ์ของบีเกิลอย่างจริงจัง ทำให้ได้บีเกิลซึ่งมีลักษณะดี และเป็นที่ยอมรับ ถูกต้องตามมาตรฐานในที่สุด โดย American Kennel Club ก็ได้ทำการจดทะเบียนรับรองสุนัขสายพันธุ์บีเกิลตัวแรกเมื่อปี ค.ศ.1885 และต่อมาในปี ค.ศ.1888 จึงได้มีการก่อตั้งชมรมผู้เพาะพันธุ์บีเกิลแห่งสหรัฐฯ ขึ้นอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันสุนัขสายพันธุ์บีเกิลยังคงเป็นสุนัขซึ่งมีผู้นิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ด้วยความน่ารัก คล่องแคล่วและเป็นมิตรกับทุกคน อย่างไรก็ตามบีเกิลอาจไม่เหมาะนักสำหรับการเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความที่เค้าต้องการสังคมสูง ชอบเล่นสนุก ชอบผูกมิตรกับสมาชิกในครอบครัวและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ดังนั้นหากต้องอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานจนเกินไปอาจทำให้เกิดความเครียด และนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวได้ ลักษณะทางกายภาพ สุนัขบีเกิลถูกจัดอยู่ในกลุ่ม สุนัขขนาดกลาง […]

อ่านต่อ
โรคต้อหิน

โรคต้อหิน (Glaucoma) จากความผิดปกติของความดันในลูกตา

โรคต้อหิน (Glaucoma) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้น ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับลูกตา ซึ่งโดยทั่วไปสุนัขจะมีความดันในลูกตาอยู่ระหว่าง 16-30 มิลลิเมตรปรอท หากเพิ่มสูงขึ้นจนถึง 60-70 มิลลิเมตรปรอท อาจทําให้สูญเสียการมองเห็นได้ เนื่องจากความดันลูกตาที่สูงมาก ๆ จะไปทําให้จอประสาทตาเสียหาย โรคต้อหิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. โรคต้อหินแบบปฐมภูมิ (Primary Glaucoma) เป็นโรคต้อหินที่เกิดขึ้นเอง ไม่ได้เกิดจากการเป็นโรคอย่างอื่นมาก่อน เช่น โรคต้อหินชนิดมุมเปิด ซึ่งเกิดจากการเสียสมดุลระหว่างการสร้างและการระบายออกของน้ําในลูกตา แต่มุม iridocorneal angle ยังคงเปิดอยู่ปกติ เมื่อมีการตีบแคบของท่อตะแคงที่เป็นทางระบายน้ำเลี้ยงภายในรูปตา ทําให้การระบายน้ำเลี้ยงภายในลูกตาลดลงในขณะที่การสร้างน้ำเลี้ยงภายในลูกตามีปริมาณเท่าเดิม ทําให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้นทีละน้อย เปรียบได้กับรูระบายน้ำที่มีตะไคร่น้ำ คอยต้านการระบายของน้ำ โรคต้อหินชนิดมุมปิด ซึ่งเป็นความผิดปกติในส่วนของโครงสร้าง ทําให้มุม iridocorneal angle แคบลง เมื่อมีการปิดกั้นทางออกของท่อน้ำเหลืองภายในลูกตาจากการที่ฐานม่านตามาปิดด้านหน้าทําให้น้ำเลี้ยงภายในลูกตาไม่สามารถระบายออกได้ หรือระบายออกทีละน้อย ดังนั้น น้ำเลี้ยงภายในลูกตาจากช่องหลังของโรคตาไม่สามารถผ่านรูม่านตาที่ช่องหน้าของลูกตาได้ตามปกติ น้ำเลี้ยงภายในลูกตาจะพยายามดันออกมาทางข้างหน้า ทําให้ม่านตาที่ถูกดันโป่งออกมาทางด้านหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ช่องหน้าของลูกตาและมุมของม่านตาแคบลงอีก และมีการปิดกั้นทางออกของน้ำเลี้ยงภายในลูกตาเพิ่มขึ้น จึงทําให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้น หรือปิดไปเปรียบได้กับรูระบายน้ำที่คดงอผิดรูป ทําให้การระบายน้ำแย่ลง 2. โรคต้อหินทุติยภูมิ […]

อ่านต่อ

โรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข และแมว

โรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข และแมว เป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตสุนัขและแมวในบ้านเราได้อย่างต่อเนื่อง เพราะ พยาธิเม็ดเลือดถูกนำโดยเห็บหรือหมัด เมื่อสุนัขหรือแมวติดเห็บหรือหมัดมาจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเชื้อ โรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข ติดมาด้วย ถ้าตรวจพบเร็วอาการยังไม่รุนแรงมาก สามารถให้ยาได้ทันการณ์ก็สามารถหายขาดได้ แต่ถ้าอาการลุกลามไปมากแล้ว โอกาสในการช่วยชีวิตก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ สาเหตุ พยาธิเม็ดเลือดเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เข้าไปบุกรุกเซลล์เม็ดเลือด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเกล็ดเลือด จัดอยู่ในกลุ่มโปรโตซัว (Protozoa) หรือกลุ่มริกเกตเซีย (Rickettsia) มีหลายสปีชีส์ (Species) เช่น Babesia spp. Mycoplasma spp. Ehrlichia canis และ Hepatozoon spp. เป็นต้น แต่ละชนิดก็มีเซลล์เม็ดเลือดเป้าหมายที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมีการถ่ายทอดเชื้อผ่านพาหะ (Vector) อย่างเห็บและหมัด เห็บหมัดจะดูดเลือดจากสุนัขหรือแมวที่มีพยาธิเม็ดเลือด ทำให้ได้รับตัวอ่อนของพยาธิเม็ดเลือดเข้ามาเจริญอยู่ในตัวเห็บหมัดนั้น ๆ พอเติบโตได้ระยะที่สามารถแพร่เชื้อได้ เมื่อเห็บหมัดไปดูดเลือดสุนัขหรือแมวอีกตัวหนึ่งก็เกิดการถ่ายทอดเชื้อจากเห็บหมัดไป ยังสุนัขหรือแมว พยาธิเม็ดเลือดจึงเข้าไปเจริญเติบโตเพิ่มจำนวน และทำลายเซลล์เม็ดเลือดในร่างกายของสุนัขและแมวได้ทำให้เกิดอาการป่วยด้วยโรคพยาธิเม็ดเลือดตามมา อาการ อาการเด่นชัดของโรคพยาธิเม็ดเลือด คือ ภาวะซีดจากการทำลายเม็ดเลือดแดงของพยาธิเม็ดเลือด เกิดภาวะโลหิตจาง เป็นอาการเด่นที่เจ้าของสามารถสังเกตได้เอง โดยดูจากสีของเยื่อเมือกบริเวณต่าง ๆ […]

อ่านต่อ

PRAMA ขนมผสมเนื้อผลไม้ ตอบโจทย์สุนัขสายเฮลตี้

ผักและผลไม้ ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการเสริมสร้างร่างกายของมนุษย์ให้แข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของสัตว์เลี้ยง อย่าง สุนัขด้วยเช่นเดียวกัน หากเลือกทานได้อย่างเหมาะสม เพราะ ถึงแม้ว่าผักและผลไม้ส่วนใหญ่จะมีสารอาหาร – วิตามินแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็ยังมีผัก-ผลไม้บางชนิด อย่าง องุ่น เชอร์รี่ ลูกพลัม ลูกแพร์ และลูกพรุน ที่หากสุนัขกินเข้าไปก็อาจก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ ในผักและผลไม้มักจะมีปริมาณน้ำตาลสูง อาจทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเสี่ยงต่อภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินได้ เจ้าของจึงไม่ควรให้สุนัขทานผัก-ผลไม้เกิน 5-10% ของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน เพื่อควบคุมความสมดุลทางโภชนาการ ซึ่งจะดีกว่าไหมถ้ามีขนมที่ไม่ใช่แค่เพียงขนมธรรมดาทั่วไป แต่เป็นขนมที่ผลิตจากเนื้อไก่ แหล่งโปรตีนหลักของอาหารที่เหมาะสำหรับสุนัข ผสมผสานกับเนื้อผลไม้แท้ที่ช่วยเติมกลิ่นหอม เพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางอาหารไว้อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนรักสุนัขที่อยากให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี   การจับคู่ที่ลงตัวของเนื้อไก่กับผลไม้แท้ 100% PRAMA™ Delicacy Snack ต้องการทำสิ่งที่แตกต่าง จึงได้คิดค้นและผลิตขนมที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุนัขและใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ โดยการเลือกจับคู่วัตถุดิบระหว่างเนื้อไก่แท้เต็มชิ้น (Human Grade) ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ไม่ต้องกลัวอ้วน กับเนื้อผลไม้แท้ 100% อย่าง บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ กล้วย เมลอน ฟักทอง […]

อ่านต่อ
โรคหัวใจสุนัข

โรคหัวใจในสุนัข (Heart Disease)

โรคหัวใจในสุนัขมีการพัฒนาขึ้นในช่วงกลางๆ ชีวิต คือโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลังมักเป็นในสุนัขที่มีอายุมาก

อ่านต่อ

โรคโพรงกระดูกสันหลังบริเวณเอวและก้นกบตีบแคบ (DLSS)

โรคโพรงกระดูกสันหลังบริเวณเอวและก้นกบตีบแคบ (Degenerative Lumbosacral Stenosis หรือ DLSS) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการที่มีการเสื่อมของโครงสร้างรอบ ๆ โพรงกระดูกสันหลังบริเวณเอวและก้นกบ ทำให้เกิดการตีบแคบจนเกิดการกดทับเส้นประสาทที่อยู่บริเวณนั้น อาการเด่นชัดของ โรคโพรงกระดูกสันหลังบริเวณเอวและก้นกบตีบแคบ คือ จะพบอาการปวดที่บริเวณหลังด้านท้าย (Low Back Pain) ซึ่งพบได้บ่อยในสุนัขขนาดใหญ่และอายุมาก สาเหตุของการเกิดโรคมักจะมาจากหลากหลายความผิดปกติอาจเกิดจากสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ การเกิดหมอนรองกระดูกเคลื่อนมากดทับเส้นประสาท cauda equina การบวมของเส้นเอ็นตรงรอยต่อกระดูกสันหลังส่วนเอวและก้นกบ การงอกของกระดูกที่สร้างขึ้นใหม่ตรงรูที่เส้นประสาทออกมา โรคโพรงกระดูกสันหลังบริเวณเอวและก้นกบตีบแคบมักมีรายงานบ่อยในสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ซึ่งเป็นสุนัขที่นิยมนำมาฝึก เพื่อใช้งาน เช่น ใช้เป็นสุนัขตำรวจ หรือ สุนัขทหาร เป็นต้น ในประเทศไทยนอกจากสายพันธุ์ดังกล่าวยังสามารถพบได้ในสายพันธุ์อื่นได้อีก ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ บางแก้ว ดัลเมเชียน รวมทั้งพันธุ์ผสม เป็นต้น นอกจากนี้สามารถพบในสุนัขพันธุ์เล็กได้บ้าง เช่น พูเดิ้ล มินิเจอร์พินเชอร์ เป็นต้น หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้มักมาจากการที่สุนัขมีกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างหนัก เช่น การกระโดด การวิ่ง หรือ การฝึก เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เหนี่ยวนำทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อกระดูกเอวและก้นกบอย่างรุนแรงและเป็นประจำ […]

อ่านต่อ

การเลือกอาหารลูกสุนัข เพื่อให้แข็งแรงและสุขภาพดี

การดูแลลูกสุนัขที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน มีหลายเรื่องที่พ่อแม่มือใหม่ต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ การดูแลสุขภาพลูกสุนัขในเบื้องต้น หรือแม้แต่เรื่องการฉีดวัคซีน แต่สิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ ในการดูแลลูกสุนัขนั้น น่าจะเป็นเรื่อง การเลือกอาหารลูกสุนัข ให้เหมาะสม หลาย ๆ บ้านอาจจะคุ้นชินกับการให้อาหารคนกับสุนัขของเรา ทั้งข้าวคลุก หมูปิ้ง ตับย่าง ไก่ย่าง และอื่น ๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาหารเหล่านั้น เป็นอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการส่งเสริมพัฒนาการของลูกสุนัข ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญ ในการให้อาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยของการเจริญเติบโตของลูกสุนัข การเลือกอาหารลูกสุนัข แม้จะดูเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่เลือก อาหารสูตรลูกสุนัข ก็เพียงพอ แต่จริง ๆ แล้ว มีรายละเอียดที่สำคัญกว่านั้น เพราะ ในแต่ละช่วงอายุของลูกสุนัขจะมีพัฒนาการ และความต้องการของสารอาหารที่ต่างกันออกไป เราจึงต้องเลือกอาหารที่มีปริมาณสารอาหารตามความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรงและเหมาะสม ลูกสุนัขมีการเติบโตเป็น 2 ช่วง ลูกสุนัขจะมีการเจริญเติบโตในช่วงก่อนโตเต็มวัยแบ่งเป็น 2 ช่วงด้วยกัน ในช่วงแรกเป็นช่วงที่ลูกสุนัขจะโตเร็วมากในระยะเวลาอันสั้น คือ ช่วงประมาณแรกเกิดถึง 4 เดือนแรก และช่วงที่ 2 คือ หลัง 4 […]

อ่านต่อ

ประโยชน์ของ “พรีไบโอติก” ต่อทางเดินอาหารของสุนัข

เชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตหลากหลายยี่ห้อที่บรรยายสรรพคุณถึงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น แลคโตบาซิลัส และคงจะสงสัยว่าจุลินทรีย์เหล่านั้นทำงาน ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร ทำไมเราถึงต้องรับประทานนมเปรี้ยวกันด้วย แท้จริงแล้วไม่ใช่แค่ร่างกายมนุษย์เท่านั้นที่มีจุลินทรีย์เหล่านี้ ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงของเราไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว หรือสัตว์อื่น ๆ จุลินทรีย์เหล่านี้ก็มีบทบาทสำคัญมากเช่นเดียวกัน การศึกษาพบว่ามีจุลินทรีย์จำนวนมากมายในร่างกายของสุนัข โดยจริง ๆ แล้วจำนวนของพวกมันมากกว่าจำนวนเซลล์ของตัวสุนัขเองถึง 10 เท่าเลยด้วยซ้ำ และจุลินทรีย์เหล่านี้มีอยู่ในแทบทุกระบบของร่างกาย ทั้งบนผิวหนัง ทางเดินปัสสาวะ หรือ ทางเดินอาหาร จุลินทรีย์เหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์ของสุนัขหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบพึ่งพาอาศัยกัน หรืออยู่แล้วก่อโรค ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและปริมาณของเชื้อ โดยส่วนใหญ่มักจะก่อประโยชน์หากมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ตัวอย่างที่น่าจะคุ้นเคยกันมากที่สุดน่าจะเป็น จุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร เพราะเป็นประชากรหลักของจุลินทรีย์ในร่างกาย การที่เรากินโยเกิร์ตเข้าไป ก็เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ และช่วยลดสัดส่วนของจุลินทรีย์ก่อโรคให้น้อยลง โดยจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้จะช่วยเรื่องการนำสารอาหารไปใช้ การทำงานของทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกันของทางเดินอาหารด้วย เช่นจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนสารอาหารบางอย่างให้กลายเป็นกรดไขมันสายสั้น ๆ (short-chain fatty acid; SCFA) เพื่อเป็นอาหารให้กับเยื่อบุผนังลำไส้ และตัวลำไส้เองก็จะผลิตเมือกเพื่อเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายนั่นเอง ที่น่าสนใจก็คือ จุลินทรีย์ในลำไส้ของกลุ่มสุนัขที่แข็งแรงปกติ และในกลุ่มที่เป็นโรคก็ยังมีความแตกต่างกันด้วย ดังนั้นในอาการป่วยบางอย่างในสุนัข เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ลำไส้อักเสบจากไวรัส โรคมะเร็ง […]

อ่านต่อ