Cat Zone

พยาธิในทางเดินอาหารของแมว รู้ไว้เพื่อป้องกัน

พยาธิในทางเดินอาหารของแมว เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และมักเป็นสาเหตุทำให้ระบบทางเดินอาการทำงานผิดปกติ พยาธิในทางเดินอาหารของแมว ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่สังเกตได้ ดังนี้ น้องแมวส่วนใหญ่ที่มีพยาธิในทางเดินอาหารจะแสดงอาการ ท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร มีอาการระคายเคืองบริเวณทวารหนัก โลหิตจาง และถ่ายปนมูกเลือด ถ้าแมวที่มีอายุน้อย อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตช้า และอ่อนแอไม่แข็งแรง ในบางกรณีที่มีพยาธิในร่างกาย อาจจะไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็นอย่างชัดเจนก็ได้ แต่จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นพาหะนำพยาธิไปสู่แมวตัวอื่น ๆ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ พยาธิบางชนิดในแมวสามารถติดต่อสู่คนได้อีกด้วย กลุ่มของพยาธิที่พบได้บ่อยในแมว ได้แก่ กลุ่มพยาธิตัวกลม (Roundworms) 1.พยาธิไส้เดือน ชนิดที่พบบ่อยในแมวชื่อว่า Toxocara cati และ Toxascaris leonine โดยพยาธิที่โตเต็มวัยจะปล่อยไข่ในทางเดินอาหารของแมว และปะปนออกมากับอุจจาระออกมานอกตัวสัตว์ ไข่พยาธิที่ออกมากับอุจจาระของแมวสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเกือบหนึ่งปี การติดต่อสู่แมวตัวอื่นสามารถเกิดได้ 2 ทาง คือ แมวได้รับไข่พยาธิผ่านทางการกินที่ปนเปื้อนไข่พยาธิเข้าไป หรือแมวไปกินสัตว์ที่เป็นพาหะตัวกลาง เช่น หนูที่มีพยาธิตัวอ่อนอยู่ในร่างกาย เป็นต้น สำหรับลูกแมว สามารถติดพยาธิไส้เดือน Toxocara cati จากการได้รับตัวอ่อนพยาธิผ่านทางน้ำนมจากแม่ โดยแมวตัวเมียที่ตั้งครรภ์และมีพยาธิ […]

อ่านต่อ

แมวอ้วน ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิด กับปัญหาสุขภาพที่ตามมา

คุณพ่อคุณแม่หลงใหลน้องแมวด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น คือ รูปร่างกลมฟูของน้องแมว และด้วยเหตุผลนี้ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงอยากให้น้องตัวแน่น และขนฟู แต่สุดท้ายทำให้ แมวอ้วน มากกว่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แมวอ้วน หรือที่สัตวแพทย์มักเรียกว่า แมวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นแมวที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต รวมถึงมีอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง เมื่อเทียบกับแมวที่มีน้ำหนักตัวตามมาตรฐาน ดังนั้น การดูแลน้องแมวให้มีรูปร่างที่สมส่วน และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะส่งผลให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ แมวที่มีสุขภาพดีย่อมส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วตามธรรมชาติของแมว ที่สำคัญ เมื่อน้องแมวได้แสดงออกตามสัญชาติญาณ และมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรค น้องแมวจะเกิดภาวะแห่งความสุขตามมาด้วย น้องแมวของเราอ้วน หรือไม่ ตรวจสอบได้อย่างไร สำหรับการประเมินว่า น้องแมวของเรามีรูปร่างที่สมส่วนหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตด้วยตา และใช้มือคลำร่างกายของแมว โดยอ้างอิงจากเกณฑ์การให้คะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body condition score : BCS) ของสัตว์เลี้ยง แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ ระดับที่ 1 ภาวะผอมแห้งขาดอาหาร […]

อ่านต่อ

FIP แมว คือ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว

FIP แมว คือ โรคติดต่อในแมวชนิดหนึ่ง ย่อมาจาก Feline infectious peritonitis หรือเรียกว่า โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ FIP แมว หรือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ รู้ไว้และป้องกัน เพื่อให้น้องแมวที่รักของเราห่างไกลจากโรคติดต่อ วันนี้ คุณหมอได้อธิบายเกี่ยวกับโรคนี้ไว้อย่างไร มาติดตามกันเลยค่ะ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบเกิดจาก “การติดเชื้อในกลุ่มโคโรนาไวรัส” ที่กลายพันธุ์มาจากเชื้อ Feline enteric coronavirus (FCov) และก่อให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงในแมว โดยทั่วไป เชื้อไวรัสเยื่อบุช่องท้องมักติดเชื้อในแมว ที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เช่น แมวอายุน้อยกว่า 2 ปี และแมวที่มีอายุมาก แมวที่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างแน่น และแมวที่เกิดความเครียดเรื้อรัง นอกจานี้ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบยังสามารถพบได้ในแมว ที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันยกพร่อง เช่น โรคลิวคีเมีย และโรคเอดส์แมว เป็นต้น โดยโรคติดต่อชนิดนี้สามารถพบได้ในแมวทุกเพศ และทุกสายพันธุ์ การติดเชื้อโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว เชื้อ FCoV ที่ยังไม่ได้กลายพันธุ์และไม่ได้อยู่ในขั้นก่อโรครุนแรง สามารถติดต่อแมวตัวอื่นได้ง่าย โดยแพร่ผ่านการสัมผัสทางร่างกายระหว่างแมว หรือการสัมผัสอุจจาระของแมวที่เป็นพาหะ จากการใช้กระบะทรายร่วมกัน หรือการติดเชื้อไวรัสผ่านวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม […]

อ่านต่อ

ดูแลน้องแมว อย่างไร ในแต่ละวัน

คุณพ่อคุณแม่ทาสแมวหลายท่านอาจเคยสงสัยว่า ในแต่ละวันเราควร ดูแลน้องแมว อย่างไร และควรดูแลในเรื่องใดบ้าง ความรักและความเอาใจใส่ของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อน้องแมว เป็นสายสัมพันธ์ที่สวยงาม และมีคุณค่าต่อจิตใจ วันนี้ คุณหมอก้อย  สพ.ญ. ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ สัตวแพทย์ประจำ PURRfect Cat Hospital จึงได้มาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการปรนนิบัติน้องแมวในหนึ่งวันให้ฟังว่า ในหนึ่งวันเราควร ดูแลน้องแมว อย่างไร และทำอย่างไรให้แลดูสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิตที่เขาอยู่กับเรา  หมอก้อยได้แนะนำวิธีการดูแลพื้นฐาน 4 ข้อ สำหรับน้องแมวทุกตัว ดังนี้ ค่ะ 1. การดูแลเส้นขนและผิวหนัง ระบบปกคลุมร่างกายของน้องแมวทุกตัวประกอบด้วย เส้นขน และผิวหนัง ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม น้องแมวจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ เรื่องการดูแลเส้นขนและผิวหนังเหมือนกันทุกตัว เส้นขนของน้องแมวที่มีสุขภาพดีจะมีลักษณะนุ่มสลวย เงางาม ไม่แห้งกระด้าง และขนไม่หลุดเป็นหย่อมๆ เมื่อเราใช้มือลูบ หรือใช้แปรงหวีสางเส้นขน การดูแลเส้นขนของน้องแมว หมอก้อยได้แนะนำไว้แบบนี้ค่ะ  สำหรับน้องแมวสายพันธุ์ขนยาว คุณพ่อคุณแม่ควรแปรงขนเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 – 15 นาที […]

อ่านต่อ

ดูแลน้องแมว อย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคไต

โรคไตในแมว เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้มากที่สุดในบรรดาอาการเจ็บป่วยของแมว โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้น เพื่อให้น้องแมวของเรามีสุขภาพที่ดี และห่างไกลจากโรคไต เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไต สาเหตุของโรค รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษา และวิธีป้องกัน โรคไตในแมว เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของไต ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียในร่างกายของแมว ควบคุมความเป็นกรดด่างในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ รวมไปถึงควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย โรคไตในแมวสามารถแบ่งได้ตามระยะการเกิดโรคแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ  1. โรคไตแบบเฉียบพลัน เกิดจากการทำหน้าที่ของไตลดลงอย่างเฉียบพลัน อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แมวมักจะแสดงอาการป่วยภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์หรือไม่เกิน 1 เดือน  โรคไตแบบเฉียบพลันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากขาดน้ำอย่างรวดเร็ว เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย เช่น FIV FeLV FIP และ Feline Morbillivirus และการได้รับสารพิษต่างๆ ที่มีผลต่อไต เช่น ยาฆ่าแมลงต่าง ๆ น้ำยาทำความสะอาด หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยส่วนใหญ่พบว่า แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ออกนอกบ้านได้อย่างอิสระ มักมีความเสี่ยงไปสัมผัสกับสารพิษมากกว่าแมวที่เลี้ยงระบบปิด 2. โรคไตแบบเรื้อรัง ที่ทำให้การทำหน้าที่ของไตค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย […]

อ่านต่อ

โรคถุงน้ำในไตแมว โรคที่ยังรักษาไม่ได้

ลองสังเกตน้องแมวที่บ้านว่า น้ำหนักลดลง กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ หรือไม่ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคไตเรื้อรังที่เรียกว่า โรคถุงน้ำในไตแมว โรคเกี่ยวกับระบบกำจัดของเสียในแมวมักเกิดขึ้นเนื่องจากไตทำงานผิดปกติ ซึ่งโดยทั่วไปมักเรียกรวม ๆ ว่า โรคไต โดยแบ่งเป็น การเกิดแบบเฉียบพลัน อย่างโรคไตวายเฉียบพลัน และการเกิดแบบเรื้อรัง ที่อาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมอย่าง โรคถุงน้ำในไตแมว วันนี้ เรามาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับ โรคถุงน้ำในไตแมว กันนะคะว่า ลักษณะของโรคเป็นอย่างไร และจะดูแลน้องที่ป่วยเป็นโรคนี้ อย่างไร โรคถุงน้ำในไตแมว มีชื่อเรียกในทางสัตวแพทย์ว่า Polycystic Kidney Disease หรือ PKD เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติขึ้นในไตของแมว โดยมีถุงน้ำ หรือถุงซีสต์ หลายถุงแทรกอยู่ในเนื้อไต โรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกได้ โดยลักษณะของโรคมักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรกเกิด แต่แมวจะมีภาวะแฝง จนกระทั่งเมื่อน้องแมวเจริญเติบโตมีอายุมากขึ้น ถุงน้ำที่อยู่ในไตของน้องก็จะขยายขนาดตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการของโรคเมื่อน้องมีอายุมากแล้ว ความผิดปกติที่มีถุงน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากอยู่ภายในไตแมวจะส่งผลให้เกิดการทำงานของไตผิดปกติ และนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง จนเสียชีวิตในที่สุด โดยจำนวนและระยะเวลาการขยายของถุงน้ำยังไม่มีสามารถวินิจฉัยได้อย่างชัดเจน จะมากหรือน้อย หรือเกิดขึ้นเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับแมวแต่ละตัว ที่ผ่านมา การศึกษาและวิจัยทางสัตวแพทย์พบว่า น้องแมวส่วนใหญ่จะเริ่มแสดงอาการของไตวายเรื้อรังในช่วงอายุประมาณ 7 ปี มีเพียงส่วนน้อยที่พบว่า […]

อ่านต่อ
วิธีเลี้ยงแมว, เลี้ยงแมว, อาหารแมว royal canin, อาหารแมว

วิธีดูแลน้องแมว ให้ก้าวสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แข็งแรง

การเจริญเติบโตของแมวแต่ละช่วงวัย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทั้งภายในและภายนอก ซึ่งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนสับสนระหว่าง “ช่วงโตเต็มวัย” กับ “ช่วงเจริญพันธุ์” และอาจส่งผลต่อ วิธีดูแลน้องแมว โดยทั่วไปแล้ว ลูกแมวจะเริ่มเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยเมื่ออายุประมาณ 1 ปี หมายถึงร่างกายได้พัฒนาและเจริญเติบโตเต็มที่ตามลักษณะสายพันธุ์ กล้ามเนื้อแข็งแรง อวัยวะทุกส่วนทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในบางสายพันธุ์ที่มีโครงร่างกายใหญ่ อย่างสายพันธุ์เมนคูน จะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยประมาณ 15 เดือน ที่ช้ากว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ ส่วนวัยเจริญพันธุ์ คือ ช่วงที่น้องแมวพร้อมสืบพันธุ์ได้ โดยในแมวจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 4 – 18 เดือน หรือที่เรียกว่า “การเป็นสัดหรือฮีท”  การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งภาวะร่างกายของแมว น้ำหนักของแมว สายพันธุ์ของแมว และช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่มีแสงอาทิตย์ยาวนานอย่าง เช่นฤดูร้อนในพื้นที่เขตหนาว หรือสภาพภูมิอากาศบ้านเรา ก็จะกระตุ้นให้แมวเป็นสัดได้เร็วขึ้น  ในช่วงระหว่างการเป็นสัดหรือฮีท แมวตัวเมียจะแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น ส่งเสียงร้องหาคู่ ใช้ตัวถูไถสิ่งของตามพื้นและกลิ้งไปมา แอ่นหลังลงและกระดกก้นขึ้น เบี่ยงหางไปด้านข้างและย่ำเท้าหลังไปมา ลำตัวและหางสั่น หรือเกร็งลำตัว  ระยะเวลาในการเป็นสัดของแมวตัวเมียอยู่ระหว่าง 2 – 14 วัน แบ่งออกเป็น 5 ระยะ […]

อ่านต่อ

แมวใช้กลิ่นสื่อสาร อย่างไร

บางครั้ง คุณพ่อคุณแม่น้องแมวพบว่า แมวเอาตัวมาถูไถไปมาตามลำตัวและเสื้อผ้าของเรา การแสดงออกเช่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการสื่อสารที่ แมวใช้กลิ่นสื่อสาร กับมนุษย์ การสื่อสารในสัตว์เป็นหนึ่งในกลไกตามธรรมชาติ เพื่อคงความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ และเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงที่วิวัฒนาการเข้ามาอยู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน พวกเขาก็ต้องการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แมวใช้กลิ่นสื่อสาร กับสมาชิกในบ้าน และแมวด้วยกันเอง สุนัขส่งเสียงเห่าหอน และแสดงท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น แมวใช้กลิ่นสื่อสารในชีวิตประจำวันเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง สพ.ญ.ปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมว PURRfect Cat Hospital กล่าวว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใช้กลิ่นสื่อสารเพื่อแสดงการทักทาย การวางอาณาเขต แสดงความเป็นเจ้าของ และความเป็นศัตรู การสื่อสารด้วยกลิ่นเป็นวิธีการสื่อสารในแมวที่มีความคงทนมากกว่าวิธีอื่น ด้วยโครงสร้างทางร่างกายของแมวที่มีต่อมกลิ่นอยู่หลายตำแหน่ง เช่น บริเวณโคนหาง บริเวณผิวหนังรอบหัวและหนวด รวมไปถึงบริเวณฝ่าเท้า เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่จึงพบว่าน้องแมวแสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่พยายามใช้กลิ่นสื่อสารกับแมวกับมนุษย์ และแมวด้วยกันเอง การสื่อสารโดยการใช้กลิ่น สพ.ญ.ปิยวรรณ กล่าวว่า “น้องแมวจะแสดงพฤติกรรม 3 รูปแบบ ได้แก่ การถูไถ (Rubbing) การข่วนวัตถุ (Scratching) และการใช้สิ่งขับถ่าย (Excrement marking)” เหล่านี้คือคำอธิบายพฤติกรรมการใช้กลิ่นของน้องแมว […]

อ่านต่อ

ทำไม ลิ้นของแมว หยาบเหมือนกระดาษทราย

รู้หรือไม่ทำไม ลิ้นของแมว ถึงหยาบและมีหนาม ทาสแมวทั้งหลายอาจเคยสงสัยว่า เมื่อน้องแมวมาเลียตัวเรา ทำไมจึงรู้สึกสากเหมือนเอากระดาษทรายมาถูตัว และหากใช้มือเปิดดูภายในบริเวณช่องปากแมว จะพบว่าบริเวณ ลิ้นของแมว จะมีลักษณะคล้ายตุ่มหนามเล็ก ๆ กระจายอยู่เต็มบริเวณด้านบนของลิ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาวิจัยจนค้นพบว่า ลิ้นของแมวเป็นอวัยวะที่น่าทึ่ง เพราะมีความสำคัญหลายอย่างนอกเหนือไปจากการรับรสอย่างเช่นในมนุษย์เรา ตามการศึกษาวิจัย ลิ้นของแมว มีลักษณะอย่างไร หากเราสังเกตที่ลิ้นของแมวด้วยตาเปล่า เราจะเห็นว่ามีลักษณะเป็นเส้นขนคล้ายหนาวเล็กๆ หลายชิ้นเรียงกัน แต่ละชิ้นมีปลายแหลมชี้ไปทางด้านในลำคอ โครงสร้างเล็กเรียวนี้เรียกว่า “ปุ่มลิ้น” หรือ Papillae ซึ่งมีเคราตินเป็นส่วนประกอบ โดยเคราตินเป็นโปรตีนชนิดเดียวกันกับที่พบในเส้นผมและเล็บของมนุษย์ ความน่าสนใจของโครงสร้างลิ้นลักษณะนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ลิ้นที่มีหนามสามารถพบได้ในสัตว์ตระกูลแมวป่าทั้งหมด เช่น เสือคูการ์ เสือดาวหิมะ เสือโคร่ง และสิงโต เป็นต้น 3 เหตุผลที่ลิ้นแมวหยาบคล้ายกระดาษทราย เมื่อพิจารณาถึงโครงสร้างของลิ้นแมว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เมื่อแมวมาเลียมือเรา เราจึงรู้สึกเหมือนเอากระดาษทรายมาถูมือ แล้วโครงสร้างลักษณะนี้ทำไมจึงพบในแมว เมื่อแมวใช้ลิ้นเลียขนตัวเอง เหมือนพวกเรากำลังแปรงขนให้ตัวเอง ปุ่มลิ้นนับหลายร้อยหลายพันชิ้นที่อยู่บนลิ้นของแมวเปรียบมือซี่หวีถี่ๆ โดยตำแหน่งปลายแหลมของตุ่มลิ้นสามารถแทรกผ่านเส้นขนที่ปกคลุมร่างกายได้ รวมถึงยังมีท่อขนดาเล็กในตุ่มลิ้นที่สามารถดูดกลับน้ำลายในช่องปากได้ การเลียขนตัวเอง หรือ grooming มีจุดประสงค์หลายอย่าง ซึ่งแมวส่วนใหญ่ใช้เวลากว่าหนึ่งในสี่ของชีวิตประจำวันเพื่อเลียขนตัวเอง เพื่อให้กำจัดแมลงรำคาญ […]

อ่านต่อ

โรคเอดส์แมว หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว

โรคเอดส์แมว เป็นหนึ่งโรคที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่วนใหญ่การแพร่ระบาดจากแมวสู่แมวมักเกิดขึ้นในกลุ่มแมวจร และแมวที่เลี้ยงในระบบเปิดไปรับเชื้อจากแมวที่อยู่ภายนอกบ้าน โรคเอดส์แมว หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว เกิดกจาการติดเชื้อ Feline immunodeficiency virus (FIV) ในกลุ่ม retrovirus ซึ่งมีกระบวนการก่อโรคคล้ายกับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์ อย่างไรก็ตาม โรคเอดส์แมวก็ไม่สามารถแพร่ระบาดสู่คนได้ ปัจจุบัน สัตวแพทย์และนักวิจัยได้คนพบเชื้อ FIV ทั้งหมด 6 สายพันธุ์ย่อย คือ A , B , C , D , E และ F โดยในประเทศไทย พบว่า สายพันธุ์ย่อย D แพร่กระจายมากที่สุด และยังพบความชุกชุมของโรคสูงในกลุ่มแมวจร แมวที่เลี้ยงในระบบเปิด และแมวเพศผู้ ที่มีพฤติกรรมต่อสู้กับแมวตัวอื่น เพื่อแย่งอาณาเขต จึงเกิดการแพร่เชื้อระหว่างการกัดกัน หลังจากแมวได้รับเชื้อ FIV เข้าสู่ร่างกาย เชื้อไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแมวต่ำลง และแสดงอาการของโรคตามมา โดยแบ่งระยะของอาการเป็น 4 ระยะ คือ ระยะเฉียบพลัน […]

อ่านต่อ

โรคลิวคีเมียในแมว รู้วิธีดูแลก่อน ป้องกันได้

โรคลิวคีเมียในแมว หรือโรคมะเร็งโลหิตขาว เป็นหนึ่งในโรคแมวที่สามารถพบได้ในแมวทั่วโลก และแมวทุกตัวก็มีความเสี่ยงที่จะติดโรคนี้ได้ทุกช่วงวัย ดังนั้น การดูแลที่ดีจากคุณพ่อคุณแม่แมวตั้งแต่แรก จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคที่รุนแรงได้ โรคลิวคีเมียในแมว เกิดจากเชื้อไวรัส feline leukemia virus เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะแมวที่เลี้ยงในระบบเปิด เนื่องจากแมวในระบบเปิดมีโอกาสสัมผัสกับแมวตัวอื่นๆ ตลอดเวลา เช่น การสัมผัสน้ำลายจากการเลียขนให้กัน การกินอาหารร่วมกัน หรือการสัมผัสปัสสาวะของแมวที่ติดเชื้ออย่างไม่ตั้งใจ เป็นต้น นอกจากนี้ โรคลิวคีเมียในแมวยังสามารถแพร่ผ่านจากแม่แมวสู่ลูกแมวใรระหว่างการตั้งท้อง หรือระยะให้นมได้เช่นกัน เมื่อแมวติดเชื้อไวรัสลิวตีเมียจะส่งผลให้เกิดความผิดปกในร่างกาย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มอาการ ได้แก่ กดภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย มีภาวะเลือดจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ ซึ่งแมวแต่ละตัวจะมีความรุนแรงของการกดภูมิที่แตกต่างกันไป การเกิดมะเร็งเม็ดโลหิตขาวตามอวัยวะน้ำเหลืองต่างๆ อาการของ โรคลิวคีเมียในแมว แมวที่ติดเชื้อไวรัสลิวคีเมียจะแสดงอาการที่ผิดปกติแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของแมว ชนิดย่อยของไวรัส และจำนวนของไวรัสที่ติดเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น โดยอายุของแมวยิ่งน้อยอาการยิ่งรุนแรง สำหรับแมวที่โตเต็มวัย บางกรณีได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกายแล้ว แต่เชื้อยังไม่แสดงอาการ และเชื้อจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายตลอดไป อาการที่มักจะแสดงออกเมื่อแมวติดเชื้อลิวคีเมีย ประกอบด้วย ซึม มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง ร่างกายผอม […]

อ่านต่อ

อาการหอบเหนื่อย และหายใจเร็ว สัญญาณของโรคฮีตสโตรก

สัตว์เลี้ยงของคุณกำลังมี อาการหอบเหนื่อย และหายใจเร็วหรือไม่ ถ้ามีอาการเหล่านี้ อาจหมายถึงสัตว์เลี้ยงกำลังเผชิญ ภาวะฮีตสโตรก ภาวะ “ฮีตสโตรก” (heatstroke) หรือ “โรคลมแดด” สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในคนและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด โดยเฉพาะในสุนัขและแมวสายพันธุ์ขนยาว ขนหนา หรือหน้าสั้น โดยสัตว์เลี้ยงจะแสดงสัญญาณเบื้องต้นคือ อาการหอบเหนื่อย หายใจเร็ว และแลบลิ้นออกมาตลอดเวลา สาเหตุของโรคลมแดด โรคลมแดดเกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลอุณหภูมิในร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับอุณหภูมิจากภายนอกสูงเกินไป จะส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น วิธีการระบายความร้อนของสุนัขและแมวคือ การระบายความร้อนออกมาตามต่อมเหงื่อที่บริเวณอุ้งเท้าและจมูก ซึ่งไม่เพียงพอ จึงต้องใช้การระบายความร้อนผ่านทางระบบทางเดินหายใจ เพื่อพาความร้อนภายในร่างกายออกมา เราจึงเห็นอาการหายใจหอบถี่ และแลบลิ้นออกมาตลอดเวลา โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาและทุกฤดูกาล แต่ช่วงฤดูร้อนมีความเสี่ยงมากที่สุด นอกจากนี้ โรคลมแดดยังเกิดกับสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง หรืออยู่ในพื้นที่ที่ร้อนอบอ้าวและอากาศถ่ายเทไม่ดี ผลกระทบของโรคลมแดดต่อร่างกายสัตว์เลี้ยง ความร้อนสะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคลมแดด เมื่ออุณหภูมิในร่างกายของสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถลดอุณหภูมิในร่างกายลงได้ หรือระบายความร้อนออกจากร่างกายไม่ทัน  เมื่อความร้อนสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดอันตรายต่อการทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่หมุนเวียนในร่างกายลดลงจนความดันเลือดต่ำ และหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง  อาการของโรคลมแดด นอกจาก อาการหอบเหนื่อย เมื่อร่างกายของสัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส สัตว์เลี้ยงจะเริ่มกระวนกระวาย […]

อ่านต่อ