สุนัข
- Home
- สุนัข
บี้เห็บ ไม่ได้ จริงหรือมั่ว
เจ้าของสุนัขและแมวหลาย ๆ บ้านน่าจะต้องมีประสบการณ์กับปัญหากวนใจอย่าง “เห็บ” มาบ้างไม่มากก็น้อย และเจ้าของหลาย ๆ ท่านก็คงอดใจไม่ได้ที่จะจับเห็บออกจากตัวน้องหมาแล้ว บี้เห็บ เหล่านั้นซะ แต่บ่อยครั้งเรามักได้ยินคำห้ามที่ว่า “ไม่ควร บี้เห็บ เพราะจะทำให้เกิดเห็บตามมามากมายเป็นทวีคูณ” ทำไมถึงมีคำกล่าวเช่นนี้ แล้วจริง ๆ มันเป็นตามที่เค้าบอกกันมาหรือไม่ วันนี้ บ้านและสวน Pets จะพาไปรู้กันครับ รู้จักเห็บ เห็บ (tick) เป็นแมลงชนิดหนึ่งมีหลายสปีชีส์พบได้ทั่วโลกตามลักษณะภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่แตกต่างกันออกไป สำหรับประเทศไทยเรา มักพบเห็บสุนัขสีน้ำตาล หรือ Brown dog tick มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rhipicephalus sanguineus กินเลือดเป็นอาหาร ชอบอาศัยบนตัวสุนัข (จึงเรียกว่าเห็บสุนัขสีน้ำตาล) แต่ก็สามารถกัดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นรวมถึงคนได้เช่นกัน นอกจากประเทศไทยแล้วเห็บชนิดนี้ สามารถพบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อน เห็บสุนัขสีน้ำตาลมี 8 ขา ลำตัวแบนแต่เมื่อกินเลือดตัวจะพองขึ้น มีขนาดต่างกันไปตามระยะ (life stage) ของวงจรชีวิต (life cycle) ตั้งแต่ตัวเล็กเท่าหัวเข็ม จนถึงกินเลือดจนตัวเต่งเหมือนลูกเกด วงจรชีวิตเห็บ […]
อ่านต่ออายุหมา อายุแมว เมื่อเทียบกับมนุษย์ ?
อายุหมา ถ้าเทียบกับอายุเราแล้ว เค้าจะอายุเท่าไรบ้างนะ บางคนก็คงเคยได้ยินว่า ถ้าเอาอายุสุนัขคูณด้วย ‘7’ เราก็จะได้เป็นอายุที่เทียบเท่ามนุษย์ อายุหมา และอายุแมว เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับมนุษย์ ได้กลายเป็นการศึกษาที่ได้ลงรายละเอียดไว้ด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ในปี ค.ศ. 2019 ได้มีงานวิจัยเผยแพร่ว่า “เปรียบเทียบอายุสุนัขและแมวกับมนุษย์ ไม่ได้เทียบแค่การคูณด้วยเจ็ดอย่างที่เราเคยได้ยินมา” โดยนักวิจัยได้ทำการเทียบสารพันธุกรรม (DNA) ของสุนัขพันธุ์ลาบาดอร์แต่ละช่วงอายุ กับ สารพันธุกรรมของมนุษย์ (ที่ใช้สุนัขเพียงพันธุ์เดียวก็เพื่อให้ได้สารพันธุกรรมเดียวกันทั้งหมดในการเทียบปัจจัยต่าง ๆ เช่น การพัฒนาแต่ละช่วงอายุที่เหมือน ๆ กัน) ด้วยวิธีการทดลอง เพื่อดูลักษณะของสารพันธุกรรม ทำให้ได้ผลเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ออกมา นักวิจัยสามารถแปรผลการทดลองนี้ออกมาได้เป็นสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่เป็นค่า Logarithm คือ “อายุมนุษย์ = 16ln(อายุสุนัข)+31” ยกตัวอย่างเช่น สุนัขอายุ 4 ปี เมื่อเทียบในสูตรจะเทียบเท่าอายุมนุษย์ 53 ปี ซึ่งผลที่ได้จากการคำนวณจะเป็นอายุโดยคร่าว ๆ ของสุนัข แต่ทั้งนี้ด้วยความที่อายุขัยสุนัขพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่มีความต่างกันออกไป จึงทำให้ค่า เปรียบเทียบอายุสุนัขและแมวกับมนุษย์ ที่ได้อาจจะเป็นค่าประมาณการ เปรียบเทียบอายุสุนัขและแมวกับมนุษย์ เปรียบเทียบ อายุหมา กับมนุษย์ […]
อ่านต่อประเภทปลอกคอสุนัข และวิธีการเลือกใช้งานที่เหมาะสม
สุนัขทุกตัวมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาด สายพันธุ์ นิสัยอารมณ์ และการเลี้ยงดูต่าง ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกปลอกคอสุนัข บ้านและสวน Pets มีข้อมูล ประเภทปลอกคอสุนัข มาให้รู้จัก เพื่อให้เราเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้สุนัขของเราค่ะ เลือกปลอกคอสุนัข ดูจากอะไร ปลอกคอสุนัขนอกจากจะเป็นการบ่งบอกหรือแสดงถึงการมีเจ้าของ และเป็นเครื่องประดับแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มีประโยชน์สำหรับการฝึกหรือใช้จูงด้วยค่ะ โดยการเลือกปลอกคอสุนัขสักเส้นนั้น เราจะต้องพิจารณาจากตัวของสุนัขของเราเป็นหลัก ดังนี้ค่ะ ขนาดของน้องสุนัข เจ้าของควรเลือกปลอกคอสุนัขตามขนาดของรอบคอ โดยเลือกปลอกคอที่มีขนาดความยาวและความกว้างพอเหมาะกับช่วงคอของน้อง ไม่หลวมหรือแน่นคับจนเกินไป ส่วนขนาดของแถบปลอกคอ ถ้าหากเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ความกว้างของแถบปลอกคอควรอยู่ที่ประมาณครึ่งนิ้ว ในขณะที่สุนัขพันธุ์ใหญ่ ปลอกคอควรมีความกว้างตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป เพื่อที่จะได้แข็งแรงพอที่จะควบคุมสุนัขได้ ส่วนความยาวของปลอกคอ ควรจะพอดีกับรอบคอสุนัข ไม่หลวมจนหลุดเมื่อดึงกับสายจูง หรือ รัดแน่นจนเกินไปจนทำให้น้องรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก หรือทำให้เกิดบาดแผลที่คอน้องได้ ลักษณะนิสัยของสุนัข สุนัขพันธุ์เล็กบางตัวมีพลังงานสูง หรือ อาจเป็นสุนัขที่หันเหความสนใจได้ง่าย อย่าง แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ดังนั้นเพียงแค่ปลอกคอไนลอนปกติขนาดนิ้วครึ่งอาจจะควบคุมน้องไม่อยู่ หากต้องจูงพวกเขาไปตามที่ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนใส่ปลอกคอที่มีลักษณะเป็นสายรัดอกแทนเพื่อลดแรงดึงรั้งที่บริเวณคอ เป็นต้น หรือสุนัขที่ชอบรั้งสายจูง เอาหน้าทิ่มดมพื้นตลอดอย่างเช่นบีเกิ้ล ก็จะมีสายจูงที่รัดช่วงกระบอกปากเพื่อบังคับให้น้องหมาเงยหน้าขณะเดิน ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันมีสีสัน ลวดลายต่างๆให้เจ้าของเลือกซื้อได้มากมายเลยค่ะ ประเภทปลอกคอสุนัข ประเภทของปลอกคอสุนัขมีหลากหลายชนิดแล้วแต่ประโยชน์การใช้และการเลี้ยงดูหรือไลฟ์สไตล์ของผู้เลี้ยง […]
อ่านต่อโรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น
โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic syndrome) เป็นกลุ่มโรคของสุนัขและแมวที่มีจมูกสั้น เกิดปัญหาที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น (Upper airway abnormalities) โดยการตั้งชื่อ โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น หรือ Brachycephalic syndrome มาจาก Brachy หมายถึงสั้น และ Cephalic หมายถึงส่วนหัว เนื่องจากมีลักษณะกะโหลกศีรษะขนาดใหญ่แต่สั้นแบน ทำให้โครงสร้างของหน้า จมูก และปากสั้น นอกจากนี้ยังสามารถเรียกชื่อโรคทางภาษาอังกฤษได้อีกหลายแบบ ได้แก่ Brachycephalic respiratory syndrome, Brachycephalic airway obstructive syndrome หรือ Congenital obstructive upper airway disease เป็นต้น องค์ประกอบของการเกิดโรค Brachycephalic syndrome เกิดจากความผิดปกติจากหลายองค์ประกอบ สามารถพบความผิดปกติได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดความผิดปกติร่วมกัน ซึ่งจะทำให้การหายใจเข้าไปยังปอดเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยลักษณะความผิดปกติที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวสัตว์ได้ มีดังนี้ ความผิดปกติที่สามารถพบได้บ่อยในสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น รูจมูกตีบแคบ (Stenotic nares) เป็นการเจริญผิดปกติของรูจมูก ทำให้มีรูแคบหรือยุบแฟบเข้าไปเมื่อหายใจเข้า ทำให้สัตว์หายใจติดขัดเนื่องจากมีปัญหารูจมูกตีบแคบ เพดานอ่อนยาวกว่าปกติ […]
อ่านต่อพุดเดิ้ล (Poodle) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ มีแนวคิดว่าสุนัขสายพันธุ์ พุดเดิ้ล (Poodle) มาจากทวีปเอเชีย และหลังจากนั้นหลายศตวรรษต่อมาก็ได้มีการตั้งรกรากในประเทศเยอรมนี โดยในศตวรรษที่ 15 พุดเดิ้ลกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฝรั่งเศส ซึ่งมักมีเพียงราชวงศ์และขุนนางเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้ ในขณะนั้นสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ลถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท (ทั้งหมดเป็นสายพันธุ์แท้ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่ได้ผสมพันธุ์กับสุนัขสายพันธุ์อื่น เพื่อสร้างความแตกต่าง) ได้แก่ พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle), พุดเดิ้ลขนาดกลาง (Mid-Sized Poodle) และพุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) ปัจจุบันพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์สามารถพบได้บ่อยที่สุดแต่พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า หลายปีผ่านไปพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดเริ่มถูกใช้เพื่อการล่าเป็ด พวกมันเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากมีความฉลาดและมีความแข็งแรง ด้วยความฉลาดนี้จึงทำให้พวกมันแตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ทำให้คณะละครสัตว์เริ่มฝึกพวกมันให้แสดงโชว์ ชนชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสเริ่มนำพวกมันมาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนในที่สุดพวกมันก็ได้รับการพัฒนาจนมีชื่อเสียง หลังจากนั้นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลก็ได้กลายมาเป็นสุนัขประจำชาติของประเทศฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาพุดเดิ้ลได้อพยพไปพร้อมกับชาวอาณานิคมเริ่มแรกและได้รับการยอมรับจาก AKC ในปีค. ศ. 1887 (รวมกันเป็นสายพันธุ์เดียวถึงแม้ว่าจะมีพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์รวมอยู่ด้วยก็ตาม) นอกจากนี้พุดเดิ้ลยังเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของสุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอีกด้วย […]
อ่านต่อเชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) มีต้นกำเนิดมาจากเกาะเกาะเชทแลนด์ (Shetland Islands) ของประเทศสกอตแลนด์ โดยมีลักษณะที่สามารถทำงานหนักได้ มีความฉลาดและซื่อสัตย์ แต่ก่อนเชทแลนด์ ชีพด็อกถูกใช้เพื่อต้อนและปกป้องฝูงแกะ พวกมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรและคนเลี้ยงสัตว์ ต่อมาเชื่อกันว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกเป็นลูกผสมระหว่าง สุนัขพันธุ์คอลลี่ กับ สุนัขขนาดเล็กบางชนิด เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง ในช่วงปี 1800 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้เดินทางไปยังประเทศสกอตแลนด์และประเทศอังกฤษ โดยพวกมันยังคงทำหน้าที่ในการเป็นสุนัขต้อนสัตว์เช่นเคย ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกมันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีขนาดเล็กกระทัดรัดและมีความชำนาญในการต้อนสัตว์ ถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะเป็นที่รักของใครหลาย ๆ คนแต่สุนัขสายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันอย่างมากทั้งในอังกฤษและอเมริกา ผู้เพาะพันธุ์หลายคนและเจ้าของไม่สามารถตกลงกันได้ว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกควรจะมีลักษณะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้สโมสรและองค์กรที่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งในปี 1930 กลุ่มเหล่านี้ก็สามารถตกลงร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของเชทแลนด์ ชีพด็อกตามที่ต้องการได้ ช่วงต้นในปี 1970 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันติดอันดับ 1 ใน 10 ของสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกา จนกระทั่งทุกวันนี้เชทแลนด์ ชีพด็อกก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว เนื่องจากพวกมันมีความซื่อสัตย์และความแข็งแรง ลักษณะทางกายภาพ ขนและสีขน เชทแลนด์ ชีพด็อก […]
อ่านต่อบาเซนจิ (Basenji) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ บาเซนจิ (Basenji) ได้รับชื่อเล่นว่า สุนัขที่ไม่ค่อยเห่า (the barkless dog) เนื่องจากโดยธรรมชาติของ บาเซนจิ เป็นสุนัขที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยส่งเสียง และถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีความเกี่ยวข้องทั้งในประเทศแอฟริกาและอียิปต์ ซึ่งสุนัขพันธุ์บาเซนจิตัวแรกที่ถูกนำไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรก ในฐานะของขวัญจากสมเด็จฟาร์โรแห่งแม่น้ำไนล์ ในปี 1940 บาเซนจิ นิยมใช้ในการฝึกทักษะในการล่า สุนัขสามารถใช้ทักษะสัญชาตญาณในการตามล่าหาชนเผ่าและพลเมืองยุคแรก ๆ เนื่องจากความถนัดในด้านการล่าทำให้สุนัขพันธุ์นี้ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่จดจำ เนื่องจากมีลักษณะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากพันธุ์อื่น คือ หน้าผากเหี่ยวย่น, หางม้วนงอ, และมีดวงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน นอกจากนี้สุนัขบาเซนจิยังเป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตรและฉลาดอีกด้วย ลักษณะทางกายภาพ สุนัข บาเซนจิ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดเล็ก แต่มีความสง่างาม มีขนสั้น, หูตั้ง, หางม้วนงอขนาดเล็ก และมีคอที่สวยงาม บางคนมองว่าลักษณะของสุนัขบาเซนจิคล้ายกับกวางขนาดเล็ก นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์นี้ยังมีบริเวณหน้าผากที่เหี่ยวย่นโดยเฉพาะในตอนเด็กและ ตอนที่แก่มาก ๆ และมีรูปทรงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน ทำให้สุนัขมีลักษณะดูเคร่งครึม น้ำหนักเฉลี่ยของสุนัขบาเซนจิ ประมาณ 11 กิโลกรัม และสูงประมาณ 40.6 เซนติเมตร […]
อ่านต่อเชาเชา (Chow Chow) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ เชาเชา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเชา ถือเป็นสุนัขอีกหนึ่งพันธุ์ที่มีเชื้อสายยาวนาน เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศมองโกเลีย และถือเป็นสุนัขประจำเผ่าสำหรับใช้งานการล่าสัตว์ โดยสุนัขพันธุ์เชาเชาถูกพูดถึงตั้งแต่ในช่วง 206 ปีก่อนคริสตศักราช ในช่วงราชวงศ์ฮั่น สายพันธุ์นี้ยังถือเป็นตำนานของประเทศจีน คือ ลิ้นของเชาเชาจะมีสีเทาดำ เชื่อว่าเกิดจากการเลียชิ้นส่วนของท้องฟ้าเมื่อโลกถูกสร้างขึ้นครั้งแรก อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์เชาเชายังไม่ได้ถูกตั้งชื่อนี้ จนกระทั่งมีพ่อค้าชาวอังกฤษนำสุนัขรูปร่างหมีบางตัวเข้าไปในตู้สินค้าในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำสุนัขออกนอกประเทศ ทำให้ชื่อเชาเชา (Chow chow) ที่เป็นคำแสลงของการขนส่งสินค้าแบบสุ่ม และจากการที่สุนัขเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดเชาเชา จึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้เรื่อยมา ในช่วงปลายศตรรษที่ 19 ได้มีการก่อตั้งสมาคมสุนัขพันธุ์เชาเชาขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งสายพันธุ์นี้ได้ถูกกล่าวขานว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจากบรรพบุรุษ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการนำเข้าสุนัขพันธุ์เชาเชาเข้ามาในประเทศ และได้รับการจดทะเบียนจากสาคม AKC ในปี 1903 เนื่องจากความมีเสน่ห์ และลักษณะที่น่าจดจำ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มคนดัง และยังคงได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ลักษณะทางกายภาพ สุนัขพันธุ์เชาเชามีลำตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีกระโหลกขนาดเล็ก มีหูขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมที่ส่วนปลายโค้งมน และสายพันธุ์นี้มีขน 2 ชั้นซึ่งประกอบด้วยทั้งขนเรียบและขนหยาบ โดยขนจะหนาเป็นพิเศษบริเวณคอ ทำให้มีลักษณะที่โดดเด่นคล้ายกับแผงคอ ซึ่งสีของขนมีทั้งหมด 5 สี ไม่ว่าจะเป็น […]
อ่านต่ออิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldog) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นชื่อสามัญของสุนัขสายพันธุ์ที่เรียกว่า อิงลิช บูลล์ด็อก หรือ บริติช บูลล์ด็อก โดยบูลล์ด็อกสายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ อเมริกัน บูลล์ด็อก และเฟรนช์ บูลล์ด็อก โดยต้นกำเนิดของสายพันธุ์บูลล์ด็อกนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่หลายคนเชื่อว่า บูลล์ด็อกมาจากเกาะอังกฤษ โดยคำว่า “บูล (bull)” ในชื่อนั้นมาจากการที่พวกมันตกเป็นเหยื่อของกีฬาที่โหดร้ายอย่างกีฬาการต่อสู้กับวัว ตั้งแต่กีฬาถูกห้ามในปี 1835 บูลล์ด็อกได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านที่เป็นที่ชื่นชอบ เนื่องจากมีความซื่อสัตย์และมีอารมณ์สงบนิ่ง ภายในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาสายพันธุ์บูลล์ด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบูลล์ด็อกมีลักษณะเฉพาะตัวโดยเป็นสุนัขที่รูปร่างตันขาสั้นมีกล้ามเนื้อแข็งแรง มีใบหน้าเหี่ยวย่นและมีลักษณะเด่นของจมูกที่หุบเข้าไปในใบหน้า โดยมี The American Kennel Club (AKC), The Kennel Club (UK) และ United Kennel Club (UKC) คอยทำหน้าที่ในการดูแลมาตรฐานการปรับปรุงพันธุ์ ลักษณะทางกายภาพ บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีลักษณะไหล่หนาและหัวที่เข้าคู่กัน โดยทั่วไปจะมีผิวหนังที่หนาบริเวณคิ้ว ตามด้วยตาที่กลมโตสีดำ ปากสั้นและจมูกมีลักษณะคล้ายเชือกพับซ้อนกันเป็นชั้นอยู่เหนือจมูก […]
อ่านต่อเวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย (West Highland White Terrier) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย หรือมีชื่อที่รู้จักกันว่าเวสตี้ (Westie) มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสกอตแลนด์ (Scotland) มักนำมาเป็นสุนัขนักล่าสัตว์เล็ก เช่น กบ (Foxes), แบดเจอร์ (Badgers), และศัตรูพืช (Vermin) ในปี ค.ศ. 1600 กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศส ได้นำสุนัขพันธุ์นี้เข้ามาในประเทศฝรั่งเศส และได้ขนานนามว่าเป็นสุนัขทำงาน (Earthdog) ในต่อมาได้มีการเลิกนำสุนัขพันธุ์เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย มาเป็นสุนัขนักล่า เพราะสุนัขมีสีขนค่อนข้างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก จึงทำให้นายพรานยิงพลาดบ่อย ๆ สุนัขพันธุ์นี้ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในการล่าสัตว์ ดังนั้นลูกสุนัขที่เกิดขึ้นจะถูกเก็บไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงพลาดไปโดนสุนัขโดยไม่ตั้งใจ จึงนิยมนำสุนัขมาใช้เพื่อควบคุมสัตว์ศัตรูพืช หรือสัตว์ตัวเล็กเช่น กระต่ายป่า ในช่วงแรกของศตวรรษที่ 20 ประเทศอังกฤษ ได้มีการขึ้นทะเบียนสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1908 สหรัฐอเมริกา และสมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้จดทะเบียนสายพันธุ์จัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์เทอร์เรีย […]
อ่านต่อมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก พบครั้งแรกในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศเยอรมนี (Germany) เป็นสุนัขที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ (Standard Schnauzer) กับสุนัขพันธุ์แอฟเฟนพินเชอร์ (Affenpinscher) ถูกนำมาใช้เป็นสุนัขล่าหนู (Rat hunter) ในฟาร์มเยอรมัน รวมถึงนำมาใช้คุมฝูงสัตว์ในฟาร์ม มักใช้งานคู่กับสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด (German shepherd) และสุนัขพันธุ์นี้มีความสามารถในการได้ยินเสียงในระยะไกล สามารถระบุตำแหน่งของเสียงที่ได้ยินได้ ในปี ค.ศ. 1899 สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ได้ถูกแยกออกจากกลุ่มสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ มีหน้าตาที่เคร่งขรึม ดูไม่เป็นมิตรแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ในปี ค.ศ. 1933 สมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง 2 สายพันธุ์ คือพันธุ์สุนัขมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทอร์เรีย (Terrier group) และสุนัขพันธุ์พันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ […]
อ่านต่อเยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd) หรือที่รู้จักกันในชื่ออัลเซเชี่ยน (เยอรมัน : Deutscher Schäferhund) เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 โดยจัดอยู่ในกลุ่มของสุนัขต้อนสัตว์และถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อต้อนแกะ เนื่องจากมีความแข็งแรง, ฉลาดและถูกฝึกให้เชื่อฟังตามคำสั่ง จึงมักจะถูกฝึกให้ช่วยงานตำรวจและทหารทั่วโลก เนื่องจากความจงรักภักดีและมีสัญชาตญาณในการปกป้อง จึงทำให้ เยอรมันเชพพิร์ด เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับการจดทะเบียนมากที่สุด ลักษณะทางกายภาพ เยอรมันเชพเพิร์ด เป็นสุนัขขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 55 – 65 เซนติเมตร (22 – 26 นิ้ว) วัดจากส่วนที่สูงที่สุดของหลัง และมีน้ำหนักระหว่าง 22 – 40 กิโลกรัม (49 – 88 ปอนด์) ความสูงในอุดมคติคือ 63 เซนติเมตร (25 นิ้ว) ตามมาตรฐานของ Kennel Club เยอรมันเชพเพิร์ดจะมีหน้าผากที่เป็นรูปโดม, จมูกและปากส่วนบนเป็นทรงสี่เหลี่ยมยาวและมีจมูกสีดำ ขากรรไกรมีความแข็งแรงร่วมกับฟันที่คมเหมือนกรรไกร […]
อ่านต่อพี่หมูกับแม่ตะลุยสวนน้ำ Doquabistro & Workshop by Kong
สำหรับคนเลี้ยงสุนัข อะไรที่ทำแล้วสุนัขมีความสุข เจ้าของอย่างเราก็พร้อมจะทำให้ได้เสมอ ยิ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทั้งเราและน้องได้ทำร่วมกันแล้วล่ะก็รับรองไม่พลาดแน่ ๆ อย่างวันหยุดวันนี้ พี่ฮอลล์กับพี่หมูได้รับเชิญให้ไปเวิร์คชอป Rush to eat by Kong ที่ Doquabistro สวนน้ำน้องหมาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นแห่งแรกในเอเชียด้วย Doquabistro ไม่ได้มีเพียงแค่สวนน้ำเท่านั้นนะ ยังมีสนามหญ้าเทียม ขนาด 200 ตารางเมตร มีเครื่องเล่น 7 ชิ้น ที่ให้คุณได้วิ่งเล่นกับน้องหมาหลากหลายสายพันธุ์ของที่นี่ มีทั้งพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ นี่แค่คิดก็สนุกแล้วววว Dog Water Park สวนน้ำ แบ่งเป็น 2 โซน ความลึกตรงกลาง 30 cm และ 60 cm สร้างขึ้นมาคล้ายแอ่งกระทะ มีน้ำพุตรงกลาง และล้อมรอบด้วยพื้นหินทรายกันลื่น ซึ่งสำหรับน้องหมาที่ขี้กลัวหรือไม่เคยลงน้ำ เจ้าของอย่าฝืนพาน้องลงน้ำทันทีนะคะ ค่อย ๆ พาน้องไปสัมผัสน้ำที่ริมสระบริเวณตื้น ๆ ก่อน เมื่อน้องหมาลงน้ำเท้ายังสามารถสัมผัสพื้นได้อยู่ ทำให้ไม่เกิดความกลัวและตื่นตระหนกจนเกินไป เมื่อคุ้นชินน้องหมาก็สามารถวิ่งเล่นได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวจม […]
อ่านต่อ9 ไอเท็มจำเป็น เตรียมไว้ไปแคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง
ใครที่กำลังคิดว่าการพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวกับเรา โดยเฉพาะแคมปิ้งเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่รู้จะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ของน้องหมาน้องแมวอย่างไรบ้าง แคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง บ้านและสวน Pets ขอแนะนำไอเท็มที่จะช่วยให้คุณง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง ทำให้ทริปท่องเที่ยวของคุณกับน้องหมาน้องแมวเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด ว่าแล้วก็จัดกระเป๋ากันเลยค่า แคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง • รัดอกพร้อมสายจูง สายรัดอกช่วยให้คุณควบคุมน้องหมาได้ดีกว่าปลอกคอ ซึ่งมีความสำคัญมากโดยเฉพาะ การจูงบนทางเดินที่ลำบาก รวมถึงเมื่อน้องหมากำลังสนุกสนานพุ่งทะยานในทุ่งกว้างที่ลานแคมปิ้ง ถ้าคุณมีน้องหมาตัวใหญ่หรือน้องหมาที่แรงเยอะ สายรัดอก นอกจากจะช่วยให้คุณควบคุมน้องหมาได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดแรงกดดันบริเวณแขนและหลังของคุณอีกด้วย • ขวดน้ำพกพา การออกไปท่องเที่ยวข้างนอกจะทำให้ร่างกายต้องการน้ำเป็นพิเศษขวดน้ำแบบนี้จะทำให้สัตว์เลี้ยงของเราดื่มน้ำได้ทุกที่ทุกเวลาเพราะสะดวกสบายต่อการพกพาและไม่ต้องกลัวว่าจะหกเลอะเถอะด้วย • ชามอาหารแบบพับได้ ประหยัดเนื้อที่สุดๆด้วย ชามอาหารและน้ำแบบพับเก็บได้ แค่มีสิ่งนี้ก็ไม่ต้องพกชามแข็งๆ ให้เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋าแถมยังพกพาสะดวกกว่าหิวเมื่อไหร่ก็แค่กางชามออกและเทอาหารเทน้ำได้เลย • ถุงเก็บอึของสัตว์เลี้ยง สิ่งนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะพาน้องหมาออกไปไหน พกไว้เผื่อน้องปลดทุกข์ตรงไหนเราก็จัดการเก็บให้เรียบร้อย ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญของผู้เลี้ยง เมื่อเราทำจนเป็นนิสัยก็จะสร้างให้เกิดสถานที่ Pet Friendly Place มากขึ้น • เต็นท์สำหรับสัตว์เลี้ยง ผู้ที่ชอบท่องเที่ยวธรรมชาติควรมีเต้นท์ส่วนตัวสำหรับสัตว์เลี้ยงปูที่นอนนุ่มๆสักหน่อย ไว้กันลม กันแดด กันฝนและนอนพักผ่อนยามค่ำคืน เพราะส่วนใหญ่ที่พักสายแคมป์ปิ้งมักจะอนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง ดังนั้นนอกจากเต็นท์คนแล้วการมีเต็นท์ให้น้องหมาส่วนตัว ก็สะดวกสบายไม่ใช่น้อย • ถุงนอนสัตว์เลี้ยง นอกจากเต็นท์แล้ว ถุงนอนก็จำเป็น สามารถไว้ปูนั่งด้านนอกก็ได้ และซุกตัวให้อุ่นยามแดดร่มลมตก […]
อ่านต่อการเลือกของเล่นน้องหมา อย่างถูกต้องและปลอดภัย
หลายครั้งที่มักได้ยินว่า “ให้น้องหมาน้องแมวเล่นอะไรก็ได้มั้ง” จะซื้อทำไม? มันจะมีประโยชน์อย่างไร? บอกเลยค่ะว่าของเล่นน้องหมาที่มีคุณภาพ เมื่อเลือกซื้ออย่างถูกต้องและปลอดภัยมีประโยชน์หลายอย่าง ตามพี่ฮอลล์ไปดูวิธี การเลือกของเล่นน้องหมา กันเลยค่ะ วันนี้พี่ฮอลล์ขอพาทุกคนไปเลือกซื้อของเล่นให้พี่หมูซะหน่อย เพราะ ชิ้นเก่าสภาพยับเยิน ทำความสะอาดและซ่อมแซมไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาเลือกชิ้นใหม่ให้เข้ากับอายุ 2 ขวบ ที่เพิ่งผ่านไปหมาด ๆ ซึ่งของเล่นสัตว์เลี้ยงมีให้เลือกหลากหลาย เรียกได้ว่าเข้า Pet Shop หรือร้านค้าออนไลน์ ทาสน้องหมาน้องแมวอย่างเราแทบจะหมดตัว อดใจไม่ไหวควักตังค์ซื้อถึงไหนถึงกัน แต่เดี๋ยวก่อน! แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าของเล่นแบบไหนเหมาะสมกับน้องหมาของเรา เพราะแต่ละแบบก็ทำจากวัสดุที่แตกต่างกันและยังมีคุณสมบัติการใช้งานที่ไม่เหมือนกันด้วย พี่ฮอลล์ขอเป็นตัวแทน บ้านและสวน Pets จะมาแนะนำวิธี การเลือกของเล่นน้องหมา ที่มีคุณภาพและมีความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่า ของเล่นน้องหมาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์หลายประการ เช่น บรรเทาความเครียด ความเหงา และความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะปัญหาความเครียดที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง การเล่นของเล่นยังช่วยให้น้องหมาเผาผลาญพลังงาน ซึ่งช่วยลดปัญหาการเล่นซน และทําลายข้าวของ โดยส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้น เพราะ ความเบื่อหน่ายและขาดการออกกําลังกายอย่างเพียงพอ การเลือกของเล่นน้องหมา ควรเลือกที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1.เลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวและช่วงอายุของน้องหมา โดยเฉพาะขนาดของของเล่นนั้น ต้องพอดีกับขากรรไกรของน้องหมา […]
อ่านต่อ10 รูปแบบ ที่นอนน้องหมา พร้อมเคล็ดลับการเลือกซื้อและการใช้งาน
เมื่อเรานำน้องหมา เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรก ๆ คือ การจัดบริเวณให้น้องหมาของเราอยู่นั้น เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกให้น้องหมาเรียนรู้กฎระเบียบ ซึ่งควรฝึกตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เพราะหากเราละเลยการฝึกเมื่อน้องโตแล้วจะฝึกระเบียบได้ยากกว่าตอนยังเล็ก ๆ อยู่ เมื่อเรากำหนดบริเวณที่นอนให้น้องหมาได้แล้ว ต่อมาคือการจัดหา ที่นอนน้องหมา เพื่อความเป็นส่วนตัว ที่สำคัญเป็นหารสร้าง Safe Zone ทำให้น้องหมารู้สึกสงบ อบอุ่น ปลอดภัยเวลานอนหลับ วันนี้ บ้านและสวน Pets จึงมี 10 รูปแบบ ที่นอนน้องหมา พร้อมเคล็ดลับการเลือกซื้อและการใช้งานมาฝากกันค่ะ หลักการ หรือวิธีการเลือก ที่นอนน้องหมา 1. ควรเลือกที่นอนน้องหมาให้เหมาะสมกับขนาดตัว หมายถึง ไม่พอดี หรือเล็กจนเกินไป อย่าลืมว่าต้องเลือกที่นอนเผื่อโตไว้สักนิดด้วย โดยคำนึงถึงการเติบโตขึ้น ตามแต่ละสายสายพันธุ์ของน้อง 2. ก่อนเลือกซื้อที่นอนน้องหมา เจ้าของควรวัดขนาดความยาวของตัวน้องไว้ด้วย เริ่มจากปลายจมูกจนถึงปลายสุดลำตัว (ไม่ต้องวัดความยาวของหางนะคะ) ให้วัดขนาดเป็นเซนติเมตร โดยเผื่อความยาวไว้ประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร แล้วเทียบกับขนาดของที่นอนที่จะซื้อ เพราะจะช่วยให้เจ้าของซื้อที่นอนได้พอดี เหมาะกับน้องหมา น้องหมาจะได้นอนอย่างสบายตัว ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาพลิกตัวค่ะ […]
อ่านต่อการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับสัตว์เลี้ยง (First aid)
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับสัตว์เลี้ยง คือ การดูแลเมื่อสัตว์มีอาการป่วย หรือบาดเจ็บ โดยไม่จำเป็นต้องมีสัตวแพทย์อยู่ แต่ควรจะรู้จักคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่พักและเวลาเปิด-ปิด แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เจ้าของจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อลดความเจ็บปวดและลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ วิธีการนำสัตว์เลี้ยงมายังโรงพยาบาล หลังจาก การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับสัตว์เลี้ยง ควรพาสัตว์เลี้ยงไปยังโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการอย่างถูกต้อง ด้วยภาชนะที่นำสัตว์ที่เหมาะสม เช่น • สุนัขพันธุ์เล็ก หรือแมว ให้ใส่กระเป๋า หรือกล่องกระดาษแข็ง• สุนัขพันธุ์ใหญ่ สามารถใช้เปลหาม หรือจูงสัตว์มา หากสุนัขยังสามารถเดินได้ โดยเคลื่อนย้ายอย่างระมัดระวัง และจับสัตว์เลี้ยงอย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อสัตว์อยู่ในภาวะเครียด จะทำให้สัตว์เลี้ยงแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวได้• ใช้อุปกรณ์ในการช่วยจับบังคับสัตว์ เพื่อป้องกันสัตว์กัดเจ้าของ เช่น ที่ปิดปากสัตว์ (Muzzling), การใช้ผ้าห่อตัวสัตว์ (Wrapping), การทำให้สัตว์นอนอยู่กับที่ (Immobilizing) ภาวะฉุกเฉินที่สามารถพบได้บ่อย 1.การได้รับสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นจากการกิน การหายใจเข้าไป หรือการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงจากสารเคมีชนิดต่าง ๆ เช่น สารเคมีในครัวเรือน, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, ยาตามใบสั่งแพทย์, สารกำจัดหนู หรือ อาหารที่เป็นพิษต่อสัตว์ (ช็อคโกแลต) อันตรายจากช็อคโกแลต […]
อ่านต่อมอลทีส (Maltese) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ มอลทีส จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก อยู่ในกลุ่มสุนัขพันธุ์ทอย มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Central Mediterranean Area) โดยชื่อพันธุ์ของสุนัขมีความเชื่อว่าเป็นสุนัขที่มาจากเกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของประเทศมอลต้า (Malta) นอกจากนั้นบางครั้งก็ถูกกล่าวว่ามาจากเกาะเอเดรียติก (Adriatic island) ของประเทศโครเอเชีย (Mljet) หรือมาจากเขตชุมชนซิซิเลีย (Sicilian) ในเมืองเมลิต้า (Melita) สุนัขพันธุ์ มอลทีส ได้รับการยอมรับจากองค์กร The Fédération cynologique internationale (FCI) เฉพาะในประเทศอิตาลี (Italy) ในปี ค.ศ.1954 หลังจากนั้นได้ถูกนำมาเลี้ยงในเมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในต่อมาองค์กร FCI จึงได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นพันธุ์สุนัขที่ได้รับการยอมรับทั่วไป วันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ.1989 และได้ถูกนำข้อมูลสุนัขพันธุ์มอลทีสมาแปลภาษาจากภาษาอิตาลีเป็นภาษาอังกฤษ วันที่ 6 เมษายน ค.ศ.1998 สมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้รับการขึ้นทะเบียนพันธุ์สุนัขมอลทีส […]
อ่านต่อ