บ้านและสวน

ชิวาวา

ชิวาวา (Chihuahua) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ ชิวาวา แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชิวาวา หลายคนเชื่อว่า ประเทศเม็กซิโก ในยุคที่ชนเผ่ามายาและชนเผ่า Toltec ถือครองดินแดน เป็นต้นกำเนิดเริ่มแรกของ สุนัขพันธุ์ ชิวาวา (Chihuahua) ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีสีและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ต่าง ๆ มากมาย ชิวาวา ถูกจำแนกออกเป็น 2 สายพันธุ์ตามความแตกต่าง คือ พันธุ์ขนสั้นและขนยาว ดวงตาที่กลมโต ปลายหูค่อนข้างแหลมตั้งขึ้น และร่างกายขนาดเล็กเป็นคุณสมบัติหลักของชิวาวา ความฉลาดเป็นอย่างมากของพวกมันก็เป็นอีกหนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นที่ชื่นชอบในสายพันธุ์นี้ ลักษณะทางกายภาพ โดยทั่วไปแล้วความสูงของชิวาวาไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ มีเพียงน้ำหนักและคำอธิบายสัดส่วนโดยรวมของพวกมันที่ถูกระบุไว้ ส่งผลทำให้พวกมันมีความสูงที่แตกต่างกันมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วชิวาวาจะมีความสูงอยู่ระหว่าง 6-10 นิ้ว แต่อย่างไรก็ตามชิวาวาบางตัวสามารถสูงได้ถึง 12-15 นิ้ว (30 ถึง 38 ซม.) จากมาตรฐานสายพันธุ์ของทั้งอังกฤษและอเมริกาได้ระบุไว้ว่าชิวาวาต้องหนักไม่เกิน 6 ปอนด์เพื่อความสอดคล้องกัน อย่างไรก็ตามมาตรฐานของอังกฤษระบุว่าชิวาวาควรมีน้ำหนัก 2-4 ปอนด์และถ้าหากสุนัขทั้งสองตัวดีพอ ๆ กันควรเลือกตัวที่มีขนาดเล็กกว่า มาตรฐานของ Fédération Cynologique Internationale (FCI) มีความต้องการให้สุนัขในอุดมคติมีน้ำหนักอยู่ระหว่าง […]

อ่านต่อ

บูล เทอร์เรีย (Bull Terrier) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ บูล เทอร์เรีย เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อมีนักสำรวจชื่อ James Hinks ได้ทำการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์บูลด็อก (Bulldog) กับสุนัขพันธุ์โอลด์ อิงลิช เทอร์เรีย (Old English Terrier) ในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำสุนัขที่ทำการผสมระหว่าง 2 สายพันธุ์ มาผสมพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ไวท์ บูล เทอร์เรีย (White Bull Terrier) จึงได้สุนัขที่มีขนสีขาวล้วนทั้งตัว ซึ่งสุนัขที่ได้ทำการผสม 3 สายพันธุ์ ได้ถูกตั้งชื่อพันธุ์เป็นพันธุ์ ไวท์ คาวาเลียร์ (White Cavalier) เป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมอย่างมากของชนชั้นสูง และทำให้สุนัขเป็นที่สนใจจนถึงปัจจุบัน ในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 สุนัขพันธุ์บูล เทอร์เรีย ถูกนำมาเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก และได้รับความนิยมเป็นอย่างกว้างขวางในเวลาไม่นาน หลังจากนั้นสมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้ขึ้นทะเบียนสายพันธุ์สุนัข ในปี ค.ศ. 1885 […]

อ่านต่อ

บอร์เดอร์ คอลลี่ (Border Collie) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ สุนัขสายพันธุ์ บอร์เดอร์ คอลลี่ (Border Collie) มีเชื้อสายที่สืบทอดมายาวนานเกือบเท่ากับมนุษยชาติ เมื่อหลายศตวรรษก่อน ในภูมิประเทศระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในนาม Anglo-Scottish border มีคนเลี้ยงแกะจำนวนมากใช้ “สุนัขต้อนแกะ” เพื่อเฝ้ายามและคอยฟังเสียงฝูงสัตว์ของพวกเขา โดยพวกมันมีเชื้อสายโดยตรงของคอลลี่ที่เป็นพันธุ์พื้นเมืองซึ่งมักพบในเกาะอังกฤษ อย่างไรก็ตามชื่อคอลลี่ (Collie) ปรากฏครั้งแรกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มาจากภาษา Celtic (ภาษาที่คนอินโด-ยุโรปใช้) แปลว่า “มีประโยชน์” สายพันธุ์แท้เกือบทั้งหมดของคอลลี่ได้ถูกบันทึกไว้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากสุนัขพันธุ์ Old Hemp ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของคคอลลี่ โดย Old Hemp เป็นสุนัขสามสีที่เกิดใน Northumberland ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 Old Hemp กลายเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในสุนัขที่ฉลาดที่สุดและเป็นสุนัขไล่ต้อนที่มีการตอบสนองได้ดีจนเป็นที่ยอมรับมาถึงปัจจุบัน Old Hemp  มีความแข็งแรงและมีพละกำลัง สามารถโต้ตอบได้ดีกว่าสุนัขเลี้ยงแกะสายพันธุ์อื่น ๆ ในยุคนั้น ภายหลัง Adam Telfer เจ้าของ Old Hemp ได้นำมันมาเป็นต้นแบบในการขยายพันธุ์ ในปีค.ศ. 1915 มีชายคนหนึ่งชื่อ James […]

อ่านต่อ

เกรทเดน (Great Dane) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ เกรทเดน (Great Dane) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นสุนัขล่าหมูป่า ชาวเยอรมนีได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์จนเกรทเดนมีลักษณเหมือนกับสุนัขสายพันธุ์ไอริช วูล์ฟฮาวน์ด (Irish Wolfhounds) ในด้านของความสูงคล้ายกับมาสทิฟฟ์ (Mastiffs) ในด้านมวลกล้ามเนื้อและคล้ายกับเกรย์ฮาวน์ด Greyhounds ในด้านของความเร็ว สุนัขสายพันธุ์นี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง ชื่อเริ่มแรกของพวกมันคือ English Docke หลังจากนั้นก็ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น German Boarhound เชื้อพระวงศ์ใช้เกรทเดน เพื่อการล่าหมูป่า กวาง และหมีรวมถึงช่วยในการอารักขาเจ้าหญิงจากการถูกลอบทำร้าย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้เพาะพันธุ์ชาวเยอรมนีพยายามที่จะเปลี่ยนชื่อพวกมันเป็น German Mastiff เพื่อให้ชื่อของสุนัขฟังดูหรูหราแทนที่จะฟังดูเหมือนกับเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่เอาไว้ใช้งาน เกรทเดน เป็นชื่อสุดท้ายที่มีการเรียกขานกันเมื่อนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสเดินทางไปที่ประเทศเดนมาร์กและได้เห็นเกรทเดน ในบันทึกเขาเรียกสุนัขตัวนั้นว่า Grand Danois ซึ่งหมายถึง Great Danish Dog ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายแต่สุดท้ายมันก็ถูกเปลี่ยน เมื่อเวลาผ่านไปนิสัยก้าวร้าวที่ใช้ในการล่าหมูป่านั้น ถูกกำจัดออกจากสายพันธุ์ ทำให้เกรทเดนเป็นสุนัขตัวโตที่มีความอ่อนโยนอย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ลักษณะทางกายภาพ จากคำอธิบายของ American Kennel Club เกรทเดนมีลักษณะที่ผสมผสานกันระหว่างความสง่างามและความแข็งแรงด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ มีรูปร่างดีและเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่ใหญ่ที่สุด เกรทเดนเป็นสุนัขสายพันธุ์ขนสั้นที่มีรูปร่างแข็งแรง อัตราส่วนระหว่างความยาวและความสูงของขนาดตัวควรเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส […]

อ่านต่อ

ค็อกเกอร์ สแปเนียล (Cocker Spaniel) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ ค็อกเกอร์ สแปเนียล เป็นสุนัขพันธุ์ขนาดกลาง มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปน (Spain) มีการกล่าวถึงความเป็นมาของสายพันธุ์เป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถระบุจุดเริ่มต้นของสายพันธุ์ได้ แต่มีข้อมูลที่ตรงกันคือ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขสายพันธุ์สแปเนียลมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มสุนัขบ้าน (Home dog) และกลุ่มสุนัขนักล่า (Hunting dog) โดยค็อกเกอร์ สแปเนียล ถูกจัดเป็นสุนัขนักล่า เป็นสุนัขที่มีความคล่องแคล่วในการล่านก Woodcock ในปี ค.ศ. 1892 สุนัขพันธุ์ค็อกเกอร์ สแปเนียล ได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์เป็นครั้งแรก จัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์อิสระ (Independent breed) และในต่อมาได้ถูกนำมาเลี้ยงในสหรัฐอเมริกา ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้น ในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 สุนัขพันธุ์ค็อกเกอร์ สแปเนียล ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (Post World War II) ในปี ค.ศ. 1946 สมาคม The American […]

อ่านต่อ

ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ ร็อตไวเลอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด ดั้งเดิมเป็นสุนัขพันธุ์ Molussus ของชนเผ่ากรีกโบราณในอาณาจักร Molossians ในต่อมาชาวโรมันได้นำสุนัขพันธุ์ Molussus เข้ามายังประเทศเยอรมนี (Germany) หลังจากนั้นสุนัขพันธุ์ Molussus ได้ผสมพันธุ์กับสุนัขท้องถิ่น ทำให้เกิดเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหม่ขึ้นที่ภาคใต้ของประเทศเยอรมนี (Southern Germany) เป็นช่วงที่ชาวโรมันเริ่มมีการสร้างหมู่บ้านด้วยการปูกระเบื้องหลังคาสีแดงขึ้นทั้งหมู่บ้าน จึงมีชื่อหมู่บ้านว่า das Rote Wil (The red tile) และเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อสุนัขสายพันธุ์ใหม่ขึ้นเป็นชื่อสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ในปีต่อมาคนขายเนื้อ (Butchers) และคนเลี้ยงวัว (Cattlemen) นำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้งานเป็นสุนัขลากเกวียน (Drive cattle) ให้ลากของหนัก เช่น เนื้อสด หรือแบกเงินเข้าเมืองแทนวัว เพราะเป็นสุนัขที่แข็งแรง และเดินเร็วกว่าวัว เป็นสาเหตุทำให้สุนัขพันธุ์นี้เกือบสูญพันธุ์ ในปี ค.ศ. 1882 สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ได้มีการขึ้นแสดงโชว์สุนัขในประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1901 ได้มีการปรับเปลี่ยนการใช้งานให้ลดลงของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ และสุนัขพันธุ์ลีออนเบอร์เกอร์ (Leonberger) ในปี ค.ศ. […]

อ่านต่อ

โรคกระเพาะอาหารขยายและบิดหมุน (Gastric Dilatation and Volvulus : GDV)

Gastric Dilatation and Volvulus (GDV) หรือ โรคกระเพาะอาหารขยายและบิดหมุน จัดเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตต้องได้รับการรักษาในทันที โดยมักจะเกิดขึ้น ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง หลังจากการกินอาหารเข้าไปเป็นปริมาณมากใน 1 มื้อ โรคกระเพาะอาหารขยายและบิดหมุน คือ การที่กระเพาะอาหาร (Stomach) มีการขยายตัวคล้ายลูกโป่ง หรือเรียกว่า “Bloat” หรือ  Gastric Dilatation จากการมีปริมาณแก๊ส น้ำ และอาหารที่สัตว์กินสะสมอยู่มากกว่าปกติ และถ้าเกิดการบิดหมุนของกระเพาะอาหารที่มีอาหารและแก๊สขึ้น จะก่อให้เกิด โรคกระเพาะอาหารขยายและบิดหมุน (GDV)  ซึ่งสามารถเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือการระบายแก๊สออกจากกระเพาะอาหาร ซึ่งจะมีขั้นตอนกระบวนการนำแก๊สออกจากกระเพราะอาหารได้หลายวิธี เพราะในขณะที่กระเพาะอาหารเริ่มมีการพองขยายใหญ่ แรงดันในกระเพาะอาหารจะเริ่มสูงขึ้น และเมื่อกระเพาะอาหารมีการขยายตัวมากขึ้นและบิดหมุนไปมาภายในช่องท้อง เรียกว่า “Volvulus” โดยการบิดหมุนของกระเพาะอาหารบางส่วนจะมีทิศทางตามเข็มนาฬิกา ซึ่งสามารถเกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารได้ตั้งแต่ 180-360 องศา การบิดส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 180 องศาตามเข็มนาฬิกา การขยายตัวและบิดทำให้ไปกดเส้นเลือดหลักที่เดินทางเข้าสู่หัวใจ ทำให้เกิดปัญหาตามมา ได้แก่ เลือดบริเวณช่องท้องไหลกลับเข้าสู่หัวใจน้อยลง การไหลเวียนของเลือดบริเวณช่องท้องลดลง […]

อ่านต่อ

ชิบะ อินุ (Shiba Inu) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ ชิบะ อินุ (柴犬 : Shiba Inu) เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้ง 6 สายพันธุ์ มีความคล่องแคล่วว่องไวซึ่งเข้ากับภูมิประเทศที่เป็นภูเขาได้เป็นอย่างดี แต่เดิมชิบะอินุถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะกับการล่าสัตว์ โดยมีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita) แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ไม่กี่สายพันธุ์ที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ที่มาของชื่อ “อินุ” เป็นคำภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สุนัข แต่ที่มาของคำว่า “ชิบะ” ที่เติมไว้ข้างหน้านั้นมีที่มาไม่ชัดเจน คำว่า ชิบะ หมายถึง “พุ่มไม้” ในภาษาญี่ปุ่นและหมายถึงชนิดของต้นไม้หรือไม้พุ่มที่ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง จึงทำให้บางคนเชื่อว่าชิบะได้รับการตั้งชื่อตามความคิดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากการเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หรือเพราะสีที่พบมากที่สุดของชิบะอินุมีสีแดงคล้ายกับพุ่มไม้ อย่างไรก็ตามในภาษาท้องถิ่นนากาโนะคำว่า ชิบะ ก็สามารถแปลว่า “เล็ก” ได้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าสุนัขมีขนาดตัวที่เล็กจึงทำให้คำว่า ชิบะอินุ บางครั้งก็ถูกแปลความหมายว่าเป็น “สุนัขพุ่มไม้ตัวน้อย” ลักษณะทางกายภาพ ชิบะเป็นสุนัขรูปร่างกะทัดรัด มีกล้ามเนื้อที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี โดยเพศผู้และเพศเมียมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพศผู้สูงประมาณ 14 นิ้วครึ่งถึง 16 นิ้วครึ่ง (35–43 ซม.) โดยวัดจากส่วนที่สูงที่สุดของหลัง เพศเมียสูงประมาณ 13 นิ้วครึ่งถึง […]

อ่านต่อ

เฟรนช์ บูลด็อก (French bulldog) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ French bulldog (เฟรนช์ บูลด็อก) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ต้นกำเนิดมาจากการผสมพันธุ์ของ English bulldog กับ Boston Terriers โดยการตั้งชื่อพันธุ์คำว่า French หมายถึงประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นแหล่งกำเนิดของเฟรนช์ บูลด็อกแต่เนื่องจากคนในสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ มักนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อกทำให้ในต่อมาถูกนิมยมเรียกสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อกเป็น Frenchie (เฟรนช์ชี่) และมีชื่อเล่น คือ Clown dogs เพราะมีความขี้เล่นคล้ายตัวตลก หรือ Frog dogs เพราะตอนนั่งขาหลังของสุนัขจะกางออก   ลักษณะทางกายภาพ เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขเนื้อแน่น มีความตื่นตัวอยู่เสมอแต่ไม่ใช่เพื่อการกีฬา จัดเป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อเยอะ ขนปกคลุมตัวน้อย จมูกสั้น และกระดูกหนา ซึ่งลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือการมีหูแบบค้างคาว เพราะหูของเฟรนช์ บูลด็อกจะมีฐานหูกว้าง และใบหูใหญ่ หางสั้น พบลักษณะตรงหรือบิดเป็นเกลียว แต่จะไม่พบลักษณะหางงอภายใต้สมาคม The American Kennel Club (AKC) […]

อ่านต่อ

โรคเส้นเลือดลัดข้ามตับ (Portosystemic shunts : PSS)

กายวิภาคปกติคือ เส้นเลือดดำ portal (portal vascular system) ซึ่งรับเลือดจากทางเดินอาหาร เช่น ม้าม ตับอ่อน และระบบทางเดินอาหาร ทั้งหมดจะมุ่งหน้าเข้าสู่ตับ เพื่อให้ตับทำหน้าที่ในการเผาผลาญสารอาหาร (Metabolize) และกำจัดสารพิษ (Detoxify) ก่อนจะระบายเลือดสู่เส้นเดือดดำ hepatic (hepatic vein) ซึ่งจะต่อกับเส้นเลือดดำ vena cava (รูปที่ 1 A) แต่หากเกิดการลัดเส้นทางเดินของหลอดเลือดจากทางเดินอาหารเข้าตับ จะทำให้ตับขาดการพัฒนาตัวตับเอง เป็นผลทำให้เกิดตับล้มเหลว (Failure of the liver) หรือเกิดตับฝ่อ (Hepatic atrophy) ซึ่งการเกิดตับฝ่อ คือการที่ตับไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนปกติ ความผิดปกตินี้ส่งผลทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ, โปรตีน, และสารอาหารที่ถูกดูดซึม จากลำไส้เข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือดภายในร่างกายทันที หากมีการสะสมมากขึ้น จะก่อตัวเป็นสารพิษนำไปสู่การเกิดโรคสมองจากตับได้ (Hepatic encephalopathy) ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นที่ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system) โรคเส้นเลือดลัดข้ามตับ โรคเส้นเลือดลัดข้ามตับ Portosystemic shunt (PSS) […]

อ่านต่อ

ดัชชุน (Dachshund) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ดัชชุน Dachshund ได้รับการพัฒนามาจากสุนัขแบดเจอร์ที่เรียกว่า “ดอกซี่ (Doxie)” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนีตั้งแต่ก่อนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 เริ่มแรกสุนัขพันธุ์ดัชชุนเป็นสุนัขสำหรับล่าสัตว์ โดยต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้มาจากสุนัขขนาดใหญ่ (ช่วงน้ำหนัก 10-20ปอนด์) พวกมันล่าทุกอย่างที่อยู่ในป่า ไม่ว่าจะเป็นหมูป่าไปจนถึงกระต่ายขนาดเล็ก แถมยังขึ้นชื่อว่ามีความคล่องแคล่วและล่าสัตว์เก่ง เมื่อพูดถึงสุนัขบรรพบุรุษในประเทศเยอรมนีช่วงคริสต์ศตวรษที่ 18 และ 19 นายพรานหรือกลุ่มที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ ได้พัฒนาประสิทธิภาพของสายพันธุ์ และสร้างธุรกิจการล่าสัตว์จากสุนัขพันธุ์ดัชชุนให้มีความสามารถที่สมบูรณ์เหมาะเเก่การใช้งาน ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ดัชชุนได้รับความนิยมเลี้ยงจากเหล่าราชวงศ์โดยเฉพาะพระราชินีวิกตอเรีย ทำให้นักเพาะพันธุ์มีการพัฒนาสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund) ให้มีความเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของขนาดให้เหลือเฉลี่ยประมาณ 10 ปอนด์ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสุนัขล่าสัตว์ หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ได้มีการส่งออกสุนัขไปยังประเทศสหรัฐอมเริกา ก่อนที่สุนัขพันธุ์ดัชชุนจะเป็นที่รู้จักเเละได้รับความนิยมเลี้ยงในปัจจุบัน ลักษณะทางกายภาพ โดยทั่วไปสุนัขพันธุ์ดัชชุนมีลำตัวยาว มีกล้ามเนื้อเยอะ มีขาที่สั้นและอวบอ้วน อุ้งเท้าไม่ใหญ่มากมีรูปร่างคล้ายใบพายไว้ใช้สำหรับการขุดคุ้ย พวกมันมีผิวหนังที่หย่อนมากพอที่จะไม่ฉีกขาดเมื่อผ่านโพรงไม้แคบ ๆ ขณะล่าเหยื่อ ดัชชุนมีช่องอกลึก เพื่อให้มีพื้นที่ในการขยายของปอดมากเพียงพอในขณะวิ่งล่าสัตว์ มีส่วนหน้าของจมูกยาว ร่วมกับมีบริเวณส่วนของจมูกกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดมกลิ่น พวกมันมีทั้งหมด 3 กลุ่ม แบ่งตามลักษณะของขน คือ ขนสั้น เรียกว่า smooth  […]

อ่านต่อ

ไซบีเรียนฮัสกี้ (siberian husky) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดกลาง มีขนฟูหนา มีต้นกำเนิดมาจากทางฝั่งตะวันออกของไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย โดยพัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขวงศ์สปิตซ์ (Spitz) ซึ่งเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนยาวหนา หางเรียวคล้ายรูปเคียว (Sickle Tail) ใบหูตั้งเด่นเป็นรูปสามเหลี่ยม ไซบีเรียน ฮัสกี้ มีนิสัย ร่าเริง แข็งแรง เต็มไปด้วยพลัง ซึ่งเป็นนิสัยที่สืบทอดมาจากสุนัขสายพันธุ์บรรพบุรุษที่ดำรงชีวิตอยู่ในสภาพภูมิประเทศเเละภูมิอากาศที่โหดร้ายเเละหนาวเย็นในเเถบไซบีเรีย โดยสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ นี้ เป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมเลี้ยงในหมู่ชาวชุกชี (Chuckchi) ซึ่งมีถิ่นอยู่อาศัยใกล้กับมหาสมุทรอาร์กติกทางตะวันออกของรัสเซีย โดยพวกเขานำมาเลี้ยงไว้ใช้งานเป็นสุนัขลากเลื่อน สำหรับบรรทุกสิ่งของเเละสัมภาระต่าง ๆ ไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิมะระยะทางไกล ๆ เเละสำหรับทวีปอเมริกา ไซบีเรียน  ฮัสกี้ ถูกนำมาที่นี่ครั้งเเรกในรัฐอะแลสกา สำหรับใช้งานเป็นสุนัขลากเลื่อนในช่วงยุคตื่นทอง (The Nome Gold Rush) ประมาณปีค.ศ. 1899-1909 ซึ่งเป็นยุคที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามายังอะเเลสกามากมาย หลังจากนั้นสุนัขสายพันธุ์นี้ก็ได้รับความนิยมอย่างเเพร่หลาย รวมถึงแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน และเริ่มเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้านในภายหลัง  ลักษณะทางกายภาพ ไซบีเรียน ฮัสกี้ มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ อลาสกัน มาลามิ้ว […]

อ่านต่อ

เวลช์ คอร์กี้ (Welsh corgi) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

ประวัติสายพันธุ์ Welsh corgi (เวลช์ คอร์กี้) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก คำว่า Corgi มาจากคำว่า Cor + gi ซึ่งในภาษาเวลส์ Cor (คอร์) มาจาก cur หมายถึง แคระ และ gi (กี้) มาจาก ci (ย่อมาจาก Cymreig) มีความหมายว่า สุนัข มีถิ่นกำเนิดมาจากเเคว้นเวลส์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ The Pembroke Welsh Corgi (พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้) และ The Cardigan Welsh Corgi (คาร์ดิแกน เวล์ช คอร์กี้) แต่ที่นิยมในบ้านเราคือพันธุ์ พ็อมโบรค เวล์ช คอร์กี้ โดยทั้ง 2 […]

อ่านต่อ

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามาจากสุนัขล่าเหยื่อ เพื่อคอยเก็บเป็ดหรือนกที่ถูกยิงจากเกมกีฬา

อ่านต่อ

Homemade Peanut Butter Pumpkin Dog Treats : ขนมน้องหมาทำเองได้ง่ายด้วย

สำหรับผู้ที่เลี้ยงน้องหมา นอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว ขนมหมาก็เป็นอีกไอเทมที่เจ้าของต้องซื้อติดบ้านไว้สำหรับเป็นของว่างระหว่างวัน หรือเป็นรางวัลเมื่อประพฤติตัวดี แต่ว่าช่วง Stay Home ที่ผ่านมา การออกจากบ้านไปชอปปิ้งอาจไม่ใช่เรื่องสะดวกสบายนัก หลาย ๆ บ้านจึงหันมาทำอาหารทานเอง ซึ่งรวมถึงลองทำ ขนมน้องหมา เองด้วย อย่างเช่นไอศกรีมและขนมแช่เย็นคลายร้อนแสนอร่อยที่ บ้านและสวน Pets เคยนำเสนอไปแล้วนั่นเอง และวันนี้ บ้านและสวน Pets จะมาแจกสูตรขนมน้องหมาเพิ่มค่ะ เป็นคุ้กกี้ที่มีส่วนผสมหลัก 3 อย่าง ได้แก่ พีนัทบัตเตอร์ ฟักทอง และแป้งโฮลวีท รับประกันว่าหอมอร่อย ดีต่อสุขภาพ ทำง่ายด้วย อุปกรณ์  ชามผสม ตะกร้อมือหรือไม้พาย ไม้นวดแป้ง พิมพ์คุ้กกี้ ส่วนผสม ครีมเนยถั่ว ½  ถ้วยตวง ฟักทองนึ่งสุก 1 ถ้วยตวง แป้งโฮลวีต 1 ¾ ถ้วยตวง น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ 1.ผสมครีมเนยถั่วกับฟักทองให้เข้ากัน 2.นำครีมเนยถั่วกับฟักทองที่เข้ากันดีแล้วผสมลงในแป้งโฮลวีต […]

อ่านต่อ

ไอเดีย ที่ลับเล็บแมว หลากหลายดีไซน์จากเชือกและกระดาษลัง

การฝนเล็บของน้องแมวเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านกระจุยกระจายและทำให้เจ้าของปวดหัวมากมาย เพราะเล็บที่ยาวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้แมวต้องหาที่กำจัดเล็บเก่าออกไปอยู่เสมอ ที่ฝนเล็บแมว วันนี้ บ้านและสวน Pets จึงมีไอเดีย ที่ลับเล็บแมว มาฝาก ทั้งแบบสำเร็จรูปและสามารถทำเองได้ นอกจากจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดปัญหาภายในบ้านได้แล้ว บางชิ้นยังอาจกลายเป็นของแต่งบ้านสวย ๆ ได้อีกด้วยนะคะ 1. ตุ๊กตาสัตว์ สำหรับที่ฝนเล็บชิ้นใหญ่และมีดีไซน์ วางแต่งบ้านไว้เฉย ๆ ก็น่ารักอย่าง ที่ฝนเล็บรูปสัตว์ ซึ่งมาเป็นรูปร่างสามมิติ เพื่อให้แมวเหมียวได้เลือกมุมฝนเล็บกันตามใจชอบ อาจจะต้องลงทุนกันสักหน่อย หรือถ้าหากใครจะทำเองก็ต้องใช้ฝีมือมากไม่น้อยเลยทีเดียว 2. กระบองเพชร ที่ฝนเล็บชิ้นเก๋ที่ช่วยตกแต่งบ้านให้ดูมีลูกเล่น เเต่เห็นสวย ๆ แบบนี้ สามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ท่อพีวีซีต่อขึ้นมาเป็นโครงคล้ายลำต้นของกระบองเพชรติดลงบนฐานให้แข็งแรง แล้วใช้เชือกปอหรือเชือกป่านขนาดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะสีน้ำตาล หรือย้อมเป็นสีเขียวมาพันให้รอบท่อพีวีซีที่ประกอบไว้ เพียงเท่านี้ก็จะได้ที่ฝนเล็บให้น้องเหมียวแล้วละค่ะ 3.แผ่นติดผนัง ที่ฝนเล็บแบบประหยัดพื้นที่ ไม่ว่าจะทำมาจากกระดาษลัง โดยใช้กระดาษลังมาซ้อนทับกันให้สันของกระดาษลังกลายเป็นที่ฝนเล็บ หรือทำมาจากเชือก โดยการพันให้แน่นเข้ากับแม่แบบตามรูปทรงที่ต้องการ หรือเป็นกรอบรูปที่ใส่พรม ใส่ผ้าหนา ๆ แล้วนำไปติดผนัง แค่นี้ก็มีที่ให้น้องแมวได้มาก่ายกำแพงฝนเล็บเล่นกันค่ะ 4.แผ่นติดเฟอร์นิเจอร์ ขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ และโดยเฉพาะโซฟา มักจะมีรอยข่วนกลายเป็นผลงานจากการฝนเล็บกันใช่มั้ยเอ่ย […]

อ่านต่อ
การฝังเข็มสัตว์เลี้ยง

8 สิ่งที่ควรรู้ก่อนรักษาด้วยศาสตร์ การฝังเข็มสัตว์เลี้ยง

ในปัจจุบันการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกเริ่มเป็นที่นิยมและมีความต้องการมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการรักษาอาการป่วยต่างๆ ในคน ไม่ว่าจะเป็น การใช้สมุนไพร การฝังเข็ม ครอบแก้ว หรือ แม้แต่การนวดกดจุด เพื่อบำบัดอาการต่างๆ จนเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งวิธีการรักษาทางเลือกนี้ ก็สามารถใช้ในสัตว์เลี้ยงได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังคงจำกัดในวงแคบๆ อยู่ วันนี้ บ้านและสวน Pets จะมาอธิบาย เรื่อง การฝังเข็มสัตว์เลี้ยง ให้เข้าใจง่ายที่สุดกันครับ 1.ที่มาของการฝังเข็มในสัตว์เลี้ยง ประเทศจีนเป็นต้นกำเนิดของการฝังเข็ม โดยมีการขุดพบหลักฐานช่วงยุคหินใหม่ อายุไม่ต่ำกว่าสี่พันปีซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุด ทำมาจากหินที่ถูกปรับแต่งให้บางและเล็กลง เพื่อนำมาใช้รักษาโรค เราเรียกเครื่องมือชนิดนี้ว่า “เปี่ยนสือ” ต่อมาก็มีพัฒนาการทำเข็ม มาจากวัสดุพวก กระดูก ไม้ไผ่ ทองแดง เหล็ก ทองคำ และ เงิน นอกจากนี้ ยังมีตำราการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดและตกทอดมาในยุคปัจจุบัน คือ ตำราหวงตีเน่ยจิง ซึ่งเป็นการรวบรวมทฎษฎีทางการแพทย์และการรักษาโรคต่างๆ เอาไว้อย่างครบครัน รวมถึงศาสตร์ของการฝังเข็ม อีกทั้งหมอยังมีตำนานบทหนึ่งเกี่ยวกับหมอฝังเข็มที่เล่าต่อกันมา นามว่า “มาซือหวง” มาเล่าให้ฟัง โดยมาซือหวงหรือหมอฝังเข็มท่านนี้เป็นหมอที่มีความสามารถเก่งกาจในการรักษาม้าด้วยสมุนไพรจนชื่อเสียงระบือไปไกล ไปถึงหูของเทพพระเจ้ามังกร ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่ตอนนั้นเทพพระเจ้ามังกรกำลังป่วย ท่านจึงได้บินลงมาหามาซือหวง เพื่อทำการรักษา จากนั้นเมื่อมาซือหวงได้มอบสมุนไพร่ให้แก่เทพมังกรและรักษาอาการจนหายเป็นปกติแล้ว […]

อ่านต่อ

อาหารสามารถช่วยในการรักษานิ่วได้อย่างไร

ส่วนแรกที่ควรทำความเข้าใจก่อนเกี่ยวกับ นิ่วในสุนัข คือกระบวนการการเกิดขึ้นของนิ่ว เพื่อที่จะได้เข้าใจบทบาทของอาหารในการช่วยรักษานิ่วอย่างชัดเจนมากขึ้น สาเหตุของนิ่ว นิ่วเกิดจากการรวมตัวกันของสารก่อนิ่วที่อยู่ในปัสสาวะ โดยต้องอาศัยสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม และปัจจัยอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการเกิดนิ่ว ได้แก่ 1. ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ : นิ่วแต่ละชนิดมีความสามารถในการละลาย และรวมตัวกันของสารก่อนิ่วในสภาวะความเป็นกรดด่างที่แตกต่างกัน2. ความเข้มข้นของปัสสาวะ : การเกิดนิ่วอาศัยหลักการคล้ายการตกผลึก ยิ่งปัสสาวะเข้มข้นมาก นิ่วยิ่งมีโอกาสตกผลึกเป็นนิ่วได้ง่ายขึ้น3. ปริมาณของสารก่อนิ่วที่อยู่ในปัสสาวะ : ยิ่งสารก่อนิ่วมีปริมาณเยอะในปัสสาวะ ยิ่งทำให้โอกาสในการรวมตัวกันเป็นนิ่วเพิ่มขึ้น ประเภทของนิ่วกับการรักษา ในการรักษานิ่ว เรามีเป้าหมายเพื่อลดปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งอาหารมีส่วนช่วยอย่างมากในการบรรลุเป้าหมาย หรือช่วยลดโอกาสในการเกิดนิ่วเพิ่ม ซึ่งนิ่วมี 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือนิ่วที่สามารถสลายได้ด้วยการปรับอาหาร และนิ่วที่ไม่สามารถสลายได้ 1. นิ่วที่สามารถสลายได้ด้วยอาหาร : นิ่วที่พบได้บ่อยในกลุ่มนี้ได้แก่นิ่วสตรูไวท์ (struvite) หรือนิ่วแมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต (MAP) ซึ่งส่วนใหญ่จะโน้มนำจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเป็นด่างมากขึ้น และสภาวะในกระเพาะปัสสาวะเหมาะกับกับการรวมตัวของสารก่อนิ่วชนิดนี้ เกิดการรวมตัวเป็นก้อนนิ่วขึ้น อาหารที่ใช้ในการสลายนิ่วชนิดนี้ อาศัยหลักการที่จะทำให้ปัสสาวะเป็นกรดมากพอที่จะทำให้นิ่วชนิดนี้สลายได้2. นิ่วที่ไม่สามารถสลายได้ด้วยอาหาร : นิ่วในกลุ่มนี้มีหลายชนิด แต่ที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด […]

อ่านต่อ